หุ้น AMA ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 15.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.51 บาท (+55.16%) จากราคาขาย IPO ที่ 9.99 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,353.59 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 15.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 16 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 15.20 บาท
นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ. อาม่า มารีน (AMA) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น AMA เปิดซื้อขายวันแรกที่ 15.90 บาท สูงกว่าราคาจองซื้อที่ 9.99 บาท คิดเป็น 59.16% เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแผนในการขยายธุรกิจที่ชัดเจน ในการขยายกองรถบรรทุกสินค้าเหลวเป็น 100 คันภายในสิ้นปี 2559 และเพิ่มเป็น 150 คันภายในปี 2560 จากจำนวนกองรถบรรทุก 80 คัน ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 รวมถึงการขยายกองเรือบรรทุกสินค้าเหลวเป็น 9 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวมประมาณ 70,000 ตัน ภายในไตรมาสแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 ที่มีกองเรือบรรทุกสินค้าเหลว 7 ลำ น้ำหนักบรรทุกรวม 33,641 ตัน
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าเหลวทั้งทางรถ และทางเรือ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตามความต้องการขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มทั้งในอินเดีย จีน เมียนมาร์ และ เวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น
ด้านนายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ ของ AMA ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ และเรือ ทั้งใน และต่างประเทศ กล่าวว่า ในฐานะของผู้บริหาร AMA จะพยายามรักษาผลการดำเนินงานให้มีความโดดเด่น และมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต
“สำหรับแนวโน้มการเติบโตของ AMA ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะขยายกองรถ และเรือบรรทุก เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญหลังจากนี้ผู้บริหาร และทีมงานจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป"นายพิศาลกล่าว
ส่วนนางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ AMA กล่าวว่า จากการเปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) เป็นวันแรกในวันนี้ (22 ธ.ค. 59) ของ AMA นั้น สามารถมีราคาเปิดตลาดสูงกว่าราคาจองซื้อ ถือได้ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ รวมถึงวิสัยทัศน์ และทิศทางการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจนในอนาคต