WHA เชื่อผลงานปีนี้เข้าเป้าตามธุรกิจสาธารณูปโภคเติบโต-ตลาดนิคมฯดึขึ้น แม้กำไร Q1/60 หด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 12, 2017 12:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 60 เชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนแตะระดับที่ 13,000 ล้านบาท และผลประกอบการกำไรที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีความตั้งใจที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring income) มากขึ้น และตั้งเป้าธุรกิจสาธารณูปโภคจะเติบโตรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปริมาณลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมี ซึ่งมีการใช้น้ำในปริมาณมาก

เช่นเดียวกันกับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่น่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 40% จากการที่โรงไฟฟ้าที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) อีก 4 แห่งในปีนี้ ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้ประจำ น่าจะเติบโตพื้นที่เช่ากว่า 200,000 ตารางเมตร โดยในไตรมาส 1/60 มีลูกค้าสนใจเช่าผู้เช่าเพิ่มอีกประมาณ 25,000 ตารางเมตร

นอกจากนี้ วางแผนขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) และ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) รวมพื้นที่เช่าประมาณ 140,000 ตารางเมตร mทำให้ตั้งเป้าพื้นที่เช่าสุทธิเติบโตกว่า 25%

"ต่อจากนี้ในแต่ละปีเรามีความตั้งใจที่จะขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ น้อยกว่าที่เราจะขยายพื้นที่เช่าเพิ่ม ดังนั้นสัดส่วนรายได้ค่าเช่า และค่าบริการจะมากขึ้น"นางสาวจรีพร กล่าว

นางสาวจรีพร กล่าวอีกว่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.60 บริษัทประสบความสำเร็จในการนำบริษัทในเครือ คือบมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งให้ผลโครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะสามารถลดดอกเบี้ยจ่ายได้ 700 ล้านบาทในปีนี้ และสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.3 เท่า

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 1,365.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนประมาณ 39.1 ล้านบาท สาเหตุการปรับตัวลดลงของกำไร เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/60 มีการโอนที่ดินเพียง 15 ไร่ อีกทั้งโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ในธุรกิจไฟฟ้า ของบริษัทมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคและอื่นๆ ยังมีการเติบโตที่ดี

“แนวโน้มของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมดีขึ้น โดยยอดขายที่ดินในช่วง 3 เดือนแรกของปี 60 อยู่ที่ 514 ไร่ โดยได้ขายที่ดินล็อตใหญ่ให้แก่กลุ่มคอนทิเนทัล (Continental) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกของประเทศเยอรมัน จำนวน 473 ไร่ ซึ่งมีผลทำให้ยอดที่ดินรอการโอน ณ วันที่ 31 มี.ค.60 สูงถึง 867 ไร่ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมน่าจะเติบโตกว่า 70% ส่วนธุรกิจไฟฟ้าที่มีการซ่อมบำรุงนั้นเป็นไปตามแผนการซ่อมบำรุง ดังนั้น คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสที่เหลือจะสูงกว่าไตรมาส 1/60 อย่างแน่นอน เนื่องจากจะไม่มีแผนที่จะปิดซ่อมบำรุง รวมทั้งจะมีโรงไฟฟ้าในรูปแบบ SPP อีก 4 โรงที่เริ่มเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงพฤศจิกายน กว่า 128.8 เมกะวัตต์"นางสาวจรีพร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ