นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ (ธุรกิจน้ำ) 388.0 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (ธุรกิจพลังงาน) 250.8 ล้านบาท ผลักดันให้มีกำไรสุทธิ 272.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 340.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยผลประกอบการเติบโตมาจากทุกภาคส่วนธุรกิจ ทั้งจากธุรกิจน้ำและไฟฟ้าของบริษัทที่มีอยู่เดิม ซึ่งมีความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ รวมถึงมีการปรับราคาการจำหน่ายน้ำและบริการที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจน้ำและไฟฟ้าเพิ่มเติมจากบริษัทในกลุ่ม WHA-Hemaraj ในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นเรือธง (Flagship) ของกลุ่มในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าที่บริษัทลงทุนในเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในปีนี้ บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อีกจำนวน 4 แห่ง ประมาณเดือนพฤษภาคม , กรกฎาคม ,กันยายน และพฤศจิกายน ตามลำดับ นอกเหนือจากโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรีที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา โดยในการทำธุรกิจโรงไฟฟ้านั้น บริษัทเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานต่าง ๆ กับผู้ดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าที่หลากหลาย ลักษณะการรับรู้รายได้จะรับรู้ตามสัดส่วนการลงทุนในแต่ละโครงการ ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้อย่างมั่นคง
ณ ปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา 7 โครงการ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 192 เมกะวัตต์ ซึ่งปีนี้จะ COD ได้อีกจำนวน 4 โครงการ จำนวน 130 เมกะวัตต์ และอีก 3 โครงการ จะทยอยเปิดในปี 61-62 และจะรับรู้รายได้จากการลงทุนไฟฟ้าครบ 542 เมกะวัตต์ ในปี 62 จากเดิม ณ สิ้นปี 59 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 350 เมกะวัตต์
ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น มีการเติบโตที่ยั่งยืน และมีแนวโน้มรายได้เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวเป็นให้ผู้จัดจำหน่ายน้ำดิบ น้ำเพื่ออุตสาหกรรม และให้บริหารจัดการน้ำเสียครอบคลุมพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมฯ และเขตประกอบการอุตสาหกรรมฯ ของกลุ่ม WHA ทั้งหมด
“ในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น ปีนี้จะมีลูกค้าใหม่ทยอยเปิดดำเนินการ โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสหกรรมที่มีความต้องการใช้สาธารณูปโภคสูง นอกจากนี้ลูกค้าจากนิคมอุตสาหกรรมเหมชลบุรี 2 และจากนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จะทยอยเปิดดำเนินการอีกด้วย" นายวิเศษ กล่าว
นายวิเศษ กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในปี 2560 บริษัทมีการลงทุนโรงไฟฟ้า 7 แห่ง ทำให้มีการใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก โดยจะเริ่มปรับลดลงในปีถัดไปหลังจากโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทยอย COD ในขณะที่บริษัทจะทยอยรับรู้ผลตอบแทนจากโรงไฟฟ้าต่างๆ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการจำหน่ายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในเดือนเมษายน 60 ที่ผ่านมา โดยบริษัทได้รับเงินจากการระดมทุน 3,281.25 ล้านบาท ซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าวทำให้โครงสร้างเงินทุนและฐานะการเงินของบริษัทมีความแข่งแกร่ง ลดภาระต้นทุนทางการเงิน และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้แก่บริษัท ซึ่งภายหลังการขายหุ้น IPO บริษัทได้ดำเนินการชำระคืนหนี้ให้แก่สถาบันการเงินไปจำนวน 2,500 ล้านบาท ทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ (Net Interest-bearing Debt/Equity) ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 0.75 เท่า