โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) หลังมองผลประกอบการปี 61 มีแนวโน้มที่ดีจากธุรกิจห้องเย็น คลังสินค้าที่เติบโต รวมถึงการขยายลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ล่าสุดจะเข้าไปลงทุนธุรกิจบริการอาหาร เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจห้องเย็นที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ในช่วงไตรมาส 2/61 ซึ่งจะทำให้มีรายการพิเศษเข้ามาในปีนี้ด้วย
ช่วงบ่ายราคาหุ้น JWD อยู่ที่ 9.30 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.59% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.41%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 13.80 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อ 13.00 ทิสโก้ ซื้อ 15.50 เออีซี ซื้อ 14.00
นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีนี้ JWD มีเป้าหมายเชิงรุกในการขยายกิจการมากขึ้น โดยตั้งงบลงทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาทในการเพิ่มพื้นที่และปรับปรุงคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ และการเพิ่มพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าส่วนบุคคลให้เช่าในกรุงเทพฯ เพื่อตอบรับความต้องการของวิถีชิวิตคนเมืองมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ผ่านมาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซียเพื่อเข้าซื้อกิจการห้องเย็น อีกทั้งเซ็นสัญญาซื้อขายธุรกิจให้บริการด้านอาหารในไต้หวัน ทำให้เห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจห้องเย็นและสนับสนุนให้มีการเติบโตได้ ซึ่ง JWD มีความพร้อมด้านเงินทุนจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 400-500 ล้านบาท และมีหุ้นกู้ที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นแล้วอีก 2,500 ล้านบาทเพื่อรองรับแผนการลงทุนที่ต่อเนื่อง
นายธีร์ธนัตถ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของ JWD จะเติบโตค่อนข้างแรงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานที่ค่อนข้างต่ำ ขณะที่ไตรมาส 2/61 ก็จะขายสินทรัพย์เข้า REIT ทำให้มีมุมมองเชิงบวกสำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุว่าการที่ JWD ตั้งบริษัท โกลบอล ฟู้ดเซอร์วิส เน็ตเวิร์ก จำกัด (ถือหุ้น 99.99%) เพื่อลงทุนจำนวน 60% ในบริษัท Chi Shan Long Feng Food Co.,Ltd. ในประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจบริการด้านอาหาร (Food service) โดยใช้เงินลงทุน 161.8 ล้านบาทนั้น นับเป็นปัจจัยบวกเนื่องจากเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณ 3 พันล้านบาทในปีนี้
นอกจากกำไรส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนนี้ การลงทุนดังกล่าวยังจะช่วยสนับสนุนธุรกิจห้องเย็น คลังสินค้าและการขนส่งในประเทศที่ JWD มีฐานธุรกิจอยู่ รวมถึง JWD อาจขยายธุรกิจดังกล่าวจากประเทศไต้หวันมาในประเทศไทยด้วย
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่ดีของ JWD จากคลังสินค้าเดิมที่คาดจะมีอัตราใช้พื้นที่สูงขึ้น ตามภาวะส่งออกไทยที่สดใสและเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว บวกกับคลังสินค้าใหม่อย่างศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JCS) ภายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจนใกล้เต็มพื้นพื้นที่ โดยผ่านจุดคุ้มทุนแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/60
ขณะที่ธุรกิจศูนย์รวมการเก็บและกระจายสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ (LCL) เพื่อให้บริการแก่ผู้ส่งออกสินค้าแบบไม่เต็มตู้นั้นก็มีพัฒนาการดีขึ้น พร้อมกับการเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ทั้งจากบริษัท โอเชี่ยน แอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (OAI) ซึ่งประกอบธุรกิจตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทางทะเล ทางอากาศ (Freight Forwarding) ที่ได้เข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่ผ่านมา และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุน 49% จัดตั้งบริษัท PT. Samudera JWD Logistics เพื่อเป็นโฮลดิ้งเข้าลงทุนและถือหุ้นในธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรในอินโดนีเซีย เข้ามาเต็มปีครั้งแรก
นอกจากนี้ JWD ยังเตรียมแผนขยายธุรกิจเชิงรุกร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างเครือข่ายบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่เชื่อมโยงและครอบคลุมพื้นที่ 9 ประเทศในอาเซียน จากปัจจุบันมีเครือข่ายแล้ว 5 ประเทศ ซึ่งแหล่งเงินทุนหลักจะมาจากเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์ให้กับกองทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) จำนวน 1,541 ล้านบาท, เงินสดจากการดำเนินงานปีละราว 600 ล้านบาท และวงเงินหุ้นกู้ที่ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้คาดเพียงพอต่อแผนลงทุนดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน