SCI พลิกขาดทุน Q1/61 รับผลขาดทุน FX-ราคาวัตถุดิบขึ้น หวังธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าในเมียนมาช่วยผลักดันผลงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 11, 2018 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 1/61 มีรายได้รวม 381.92 ล้านบาท ลดลง 208.65 ล้านบาท หรือลดลง 35.55% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 590.56 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุนสุทธิ 23.19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.36 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 61 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานรายได้ให้กับบริษัท โดยในส่วนของการลงทุนในประเทศในปีนี้จะมีการลงทุนของบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท ทียูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่าง SCI และ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) โดย SCI ถือหุ้น 45% เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างๆ

ในปีนี้ TU มีเป้าหมายรับงานโซลาร์รูฟบนหลังคาโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว 4 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยติดตั้งในปีนี้และปี 62

ทั้งนี้ ปัจจุบัน SCI มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้จากในประเทศ (Backlog) ราว 400 ล้านบาท แบ่งเป็นงานเสาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงานสวิตซ์บอร์ด

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม และชุบกัลป์วาไนซ์ ที่เมียนมา คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดโรงงานได้ในช่วงไตรมาส 3/61 และจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 61 เป็นต้นไป โดยเน้นขายภายในประเทศเป็นหลัก

"ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งภาคเอกชนก็เร่งขยายเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยล่าสุด SCI ได้จับมือกับพันธมิตรในเมียนมา และจีน เพื่อพัฒนาโครงการสายส่งร่วมกัน ซึ่งหากสามารถเจาะตลาดในเมียนมาได้สำเร็จ SCI จะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้รับเหมา ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจมีความเกื้อหนุนกัน ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง"นายเกรียงไกร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ