(เพิ่มเติม) EPG ตั้งเป้ารายได้ปี 61/62 โต 15% จากงวดปีก่อน 9.6 พันลบ. ชูกลยุทธ์ New S-Curve เพิ่มมาร์จิ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 4, 2018 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 61/62 (เม.ย.61 - มี.ค.62) เติบโต 15% หรือ มีรายได้จากการขายกว่า 10,000 ล้านบาท จากงวดปี 60/61 (เม.ย.60 - มี.ค.61) ที่บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,607 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์ The New S-Curve เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนใน 3 กลุ่มธุรกิจ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสินค้า เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นำสินค้านวัตกรรมออกสู่ตลาด รวมถึงใช้กลยุทธ์ในการตั้งราคาขายและการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามแผนงานที่วางไว้ และให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ EPG เปิดเผยว่า ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX บริษัท ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10-12% จากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตด้วยเครื่องจักร High speed ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่พักอาศัย เป็นต้น อีกทั้งได้เริ่มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า โดยในประเทศเฉลี่ย 5-10% และสหรัฐอเมริกาเฉลี่ย 4-5% เพื่อลดผลกระทบในส่วนของค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่า

ขณะที่ตลาดในประเทศเริ่มลงทุนขยายโรงงานแห่งใหม่ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตฉนวนยางประเภท EPDM และโพลีเมอร์ วางงบลงทุนรวมประมาณ 400 ล้านบาทในปีนี้ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนเม.ย.61 ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (Aero-roof) ตั้งเป้าหมายเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเพื่อกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้มากที่สุด

นอกจากนี้ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 20-23% จากปีก่อน จากการออกสินค้านวัตกรรมของ AEROKLAS และ TJM ในปีนี้ อีกทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าทำการเข้าซื้อกิจการ Flexiglass Challenge Pty. Ltd. (Flexiglass) ซึ่งประกอบกิจการร้านจำหน่ายสินค้าตกแต่งรถกระบะ และ SUV ประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในประเทศออสเตรเลีย โดยมี distributors และ dealers มากกว่า 100 แห่ง และมีสาขาของตนเองรวม 5 แห่ง โดยการเข้าลงทุนดังกล่าวจะสามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับ AEROKLAS และ TJM ถือเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญ อย่างไรก็ตามบริษัทจะร่วมกันขยายธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีฐานลูกค้าและการให้บริการครบวงจร ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อการสร้างศักยภาพในการเพิ่มรายได้และความสามารถในการทำกำไรในอนาคต

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-12% จากการปรับกลยุทธ์ โดยใช้หลักการ "Capacities Driven" บริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ออกสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งบริษัทมีแผนเร่งทำการตลาดมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่ม ส่วนลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม จะเน้นการให้ข้อมูลด้านความพร้อมของกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหารที่ได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก

นายภวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นปี 61/62 ให้อยู่ที่ 28-30% ใกล้เคียงกับปีก่อน จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับค่าเงินบาทก็เริ่มปรับตัวอ่อนค่าลง การบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของปี 61/62 โดยจะเห็นได้จากในช่วง 2 เดือนแรกของปี 61/62 (เม.ย.-พ.ค.) บริษัทมีรายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือเติบโต 15-20% เป็นไปตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไทย (GDP) ที่ไตรมาสแรกเติบโต 4.8% ทำให้มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 งวดปีบัญชี 61/62 (เม.ย.-มิ.ย.) น่าจะดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า

"ปีนี้เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้น จากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลง และการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น จะเห็นได้จากการบริโภคภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการเกษตร รวมถึงราคาน้ำมันเริ่มอิ่มตัว"

พร้อมกันนี้บริษัทยังคงมองหาการลงทุน หรือการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมอยู่ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ในระยะยาว ซึ่งบริษัทถือว่ายังมีความพร้อมทางด้านแหล่งเงินลงทุน จากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.3 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ