GBS คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กังวลสงครามการค้า แต่มีลุ้นทำ Window Dressing ให้กรอบ 1,600 -1,665 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 26, 2018 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก (GBS) คาดดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1,600-1,665 จุด จากความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าที่อาจลุกลามไปทั่วโลก หลังมีการตอบโต้ทางการค้ามากขึ้นระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าต่าง ๆ อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์นี้นับเป็นสัปดาห์สุดท้ายของสิ้นงวดไตรมาส 2/61 ทำให้ดัชนีอาจได้รับอานิสงส์จากการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) สิ้นงวดไตรมาส 2/61

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ มีปัจจัยบวกมาจากราคาน้ำมันดิบปิดทะยานขึ้นขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด ประกอบกับแบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% เริ่ม 5 ก.ค.อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถระดมเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึง Fund Flow ขายสุทธิลดลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และ Window Dressing สิ้นงวดไตรมาส 2/61

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจาก ความกังวลว่าสงครามการค้าอาจลุกลามไปทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจสั่งห้ามไม่ให้บริษัทจีนเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ รวมทั้งมาตรการตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่มาตรการตอบโต้ของสหภาพยุโรป (EU) ในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้ามูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์จากสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ (29 มิ.ย.)

นอกจากนี้ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้าน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค วันที่ 27 มิ.ย. จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

รวมถึงวันที่ 28 มิ.ย. การประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศสมาชิก EU หารือเรื่องปัญหาของกลุ่มผู้อพยพ Brexit และการจัดเก็บภาษีสินค้าโดยรัฐบาลสหรัฐ ส่วน EU จะเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. สหรัฐ มีกำหนดเปิดเผย GDP ไตรมาส 1/61 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันที่ 29 มิ.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดีดตัว คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,600-1,665 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้นเข้า SETHD แนะนำ BCP, GLOW, MAJOR, RATCH, SGP, SPRC, TOP และ TTW รวมถึง หุ้นเข้า SET50 แนะนำ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH และ TOA ซึ่งจะมีผล 2 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ได้แก่ CPALL, ADVANC, CPN, EA , TVO และ GGC ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีสรรพสามิตสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลสูตร B20

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ภาวะสงครามการค้าโลกยังคงมีผลกดดันให้เงินทุนไหลออกจากประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้นผ่าน QE Tapering พร้อมกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินไหลกลับสหรัฐหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า แนวโน้มราคาทองคำจึงเป็นขาลงที่มีการรีบาวด์ได้เพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้งที่มีแรงลบต่อสกุลเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินไหลออก และดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนตัว จึงช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศให้แกว่งแบบ sideway down เมื่อเทียบกับราคาตลาดโลกที่ปรับลงเป็นแนวโน้ม ซึ่งการดีดขึ้นไม่เกิน 1,290 ดอลลาร์ หรือ ยืนเหนือ 1,285 ดอลลาร์ไม่ได้ จะถือเป็นโอกาสให้เข้า short เพื่อเล่นรอบ

ทั้งนี้ จึงแนะนำ ดักจังหวะเล่น swing short ในสินค้า Gold-D เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินสำหรับพอร์ตเล่นสั้น ส่วนพอร์ตเล่นรอบควรทยอยปิดทำกำไรฝั่ง short เมื่อราคาปรับตัวลง และปิดทำกำไรทั้งหมดที่บริเวณ 1,240 ดอลลาร์ก่อนประเมินทิศทางเพื่อเปิดสถานะใหม่อีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ