GSC ปิดเทรดวันแรกที่ 2.50 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 47.06%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 13, 2019 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น GSC ปิดเทรดวันแรกที่ 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท (+47.06%) จากราคาขาย IPO ที่ 1.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 516.83 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.04 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.04 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ (GSC) มองเทียบกับ บมจ.วันทูวันคอนแทคส์ (OTO) และบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ซึ่งประกอบธุรกิจใกล้เคียงกับ GSC โดย ณ ราคา IPO คิดเป็น PER ของ GSC ที่ราว 30 เท่า ซึ่งเทียบกับ PER เฉลี่ยของ OTO ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่ 23 เท่า (PER ของ OTO เพิ่มขึ้นเป็นราว 30 เท่า หลังประกาศผลประกอบการแย่ลง 56%) และ JMT ที่ซื้อขายที่ PER เฉลี่ยราว 23 เท่าเช่นกัน คิดตามสัดส่วนรายได้ของธุรกิจจะได้ PER เฉลี่ยของ GSC ที่ 23 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เหมาะสมราว 1.80 บาท สำหรับปี 2562

บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการศูนย์บริการข้อมูลแก่ผู้ว่าจ้าง โดยบริษัทฯ ให้บริการที่ครบวงจรตั้งแต่การจัดเตรียมสถานที่ ระบบโทรศัพท์ ทั้งในส่วนของอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่รับสาย ตลอดจนเจ้าหน้าที่หัวหน้างาน และเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถลดค่าใช้จ่าย รวมถึงลดภาระในการลงทุนและการบริหารจัดการ บริษัทฯ มีการให้บริการศูนย์บริการข้อมูล 2 ประเภท ได้แก่ (1) การให้บริการศูนย์บริการข้อมูล ณ สำนักงานของบริษัทฯ และ (2) การให้บริการจัดหาเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานของผู้ว่าจ้าง โดยปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ให้บริการรวม 292 คนปฏิบัติงานที่บริษัท และ 27 คนส่งไปที่สำนักงานของนายจ้าง และบริษัทยังมีธุรกิจติดตามหนี้ทางโทรศัพท์ การส่งจดหมาย และการส่งข้อความ SMS ซึ่งสามารถเข้าถึงลูกหนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถลดโอกาสที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (non-performing loan)

โครงการในอนาคต : 1) บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาทั้งภายในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มกำลังการให้บริการของบริษัทฯ และเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ทั้งใน ด้านของการจัดหาพนักงาน และการเป็นศูนย์การให้บริการสำรอง (Back-up Site) ในกรณีที่สาขาอื่นๆ เกิดเหตุที่ไม่สามารถทำงานได้ โดยจะเริ่มดำเนินงานได้ใน Q3 – Q4 ปี 2562 2) บริษัทฯ มีแผนที่จะทำการปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ระบบปฏิบัติการ Avaya ระบบปฏิบัติการ 3CX ระบบบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังการให้บริการของบริษัทฯ ประสิทธิภาพในการให้บริการของบริษัทฯ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ว่าจ้างได้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 43.10 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในช่วง Q4/62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ