ก.ล.ต.ร่วมกับสมาคมฯ เชิญชวนร่วมประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นปี 62 หวังผลเป็นกลไกร่วมขับเคลื่อนศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 10, 2019 18:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเชิญชวนกองทุนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นปีที่ 8 ประจำปี 2562 ชิงโล่พระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อคัดเลือกกองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี

นายธัชพล กาญจนกูล นายกสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กล่าวว่า สมาคมฯ จัดการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยได้รับเกียรติจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นองค์คณะในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ ให้คะแนน และจัดลำดับผู้เข้าประกวดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา และปีนี้มีรางวัลพิเศษสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เข้าร่วมการประกวดครั้งแรก

ทั้งนี้ เพื่อเฟ้นหากองทุนสำรองเลี้ยงชีพต้นแบบ ที่บริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ภายใต้หลักธรรมาภิบาล และมีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของสมาชิกสามารถเป็นที่พึ่งในช่วงหลังเกษียณของสมาชิกได้ ซึ่งในการจัดประกวดฯ ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ก.ล.ต. กองทุนการออมแห่งชาติ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน และ บลจ.

นางปะราลี สุคนธมาน รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเครื่องมือเพื่อการออมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องระยะยาว เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับประชาชนเอาไว้ใช้จ่ายเมื่อยามเกษียณอายุ ซึ่งในช่วงดังกล่าวอาจจะมีรายได้น้อยลงมากหรือไม่มีรายได้ แต่ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและการดูแลสุขภาพของตนเอง

การจัดโครงการประกวดในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมให้กรรมการกองทุนและ บลจ. บริหารจัดการกองทุน เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดต่อสมาชิกแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้กองทุนพัฒนาตามมาตรฐานสากล รวมทั้งมีการลงทุนที่คำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีของกิจการที่ไปลงทุน โดยหลักธรรมาภิบาลการลงทุน หรือ I Code จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการให้คะแนนกองทุนดีเด่นด้วย

การคัดเลือกผู้ชนะโครงการประกวดฯ จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ธรรมาภิบาลการลงทุน มาตรฐานในการควบคุมและตรวจสอบการจัดการลงทุนเพื่อให้เงินกองทุนงอกเงย บทบาทของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) ต่อการส่งเสริมกระบวนการให้ความรู้แก่สมาชิก และการพัฒนากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยครั้งนี้ยังคงนำเรื่องการประกาศรับปฏิบัติตาม I Code เป็นหนึ่งในเกณฑ์การพิจารณาตัดสินด้วย

กองทุนที่จะเข้าร่วมประกวดต้องเป็นกองทุนที่จดทะเบียนกับ ก.ล.ต. ไม่น้อยกว่า 3 ปี และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือผู้อำนวยการสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยการจัดประกวดกองทุนจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ (1) ประเภทกองทุนรัฐวิสาหกิจ (2) ประเภทกองทุนบริษัทเอกชน และ (3) ประเภทบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดย 2 ประเภทแรกเป็นการประกวดกองทุนเดี่ยว และประเภทที่ 3 เป็นการประกวดกองทุนร่วม (pooled fund)

สำหรับการพิจารณาคัดเลือก สมาคมฯ จะแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อพิจารณาเอกสารการสมัคร โดยกองทุนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาในรอบนี้จะผ่านเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ ซึ่งคณะกรรมการจะนำคะแนนทั้งสองรอบมาประกอบ การพิจารณาตัดสินหาผู้ชนะเลิศ และผู้ได้รับรางวัลอื่น ๆ ต่อไป โดยจะประกาศผลและมอบรางวัลในวันที่ 21 ก.พ.63

ปัจจุบันมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้นจำนวน 379 กองทุน มีลูกจ้างรวมกันเป็นจำนวน 3 ล้านกว่าคน นายจ้างรวม 19,008 ราย มีสินทรัพย์รวมกันประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 10% ของ GDP

นายธัชพล กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้อยู่ในช่วงชะลอตัว เห็นได้จากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเริ่มถดถอยจากในอดีตที่เคยขยายตัวเฉลี่ย 3.6-3.7% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 3.2% ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจากปีที่แล้วเติบโตด้ 4.1% แต่ในไตรมาส 2/62 ขยายตัวได้เพียง 2.3% ซึ่งหากมองภาวะเศรษฐกิจขณะนี้อาจจะไม่ได้น่าลงทุนมากนัก แต่หลังจากเปิดรับใบสมัครประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประจำปี 62 มีผู้ที่สนใจจำนวนมาก ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่บริษัทต่างๆ หรือหน่วยงานได้ให้ความสนใจในการลงทุน โดยมองว่าการลงทุนดังกล่าวจะเป็นตัวขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง

"มองว่ากลไกที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คือ เรื่องของการลงทุน ซึ่งจะประกอบไปด้วยการลงทุนจากต่างประเทศ และการลงทุนในแคปปิตอลมาร์เก็ต โดยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน"นายธัชพล กล่าว

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญมาก ซึ่งหากมีการเข้ามาร่วมประกวดมากขึ้น ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ตลาดดังกล่าวยังมีศักยภาพที่จะสามารถขยายตัวได้ ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกซบเซา โดยคาดหวังในอนาคตจะมีบริษัท หน่วยงานต่างๆ เห็นถึงความสำคัญของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากขึ้น และเป็นน่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2-3% ต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ