หุ้น STEC ปรับขึ้น 3.12% มาที่ 16.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 397.01 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.01 น. ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 16.20 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 16.70 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 16.20 บาท
หุ้น CK ปรับขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.39% มาที่ 21.40 บาท
หุ้น ITD ปรับขึ้น 0.03 บาท หรือ 1.99% มาที่ 1.54 บาท
หุ้น NWR ปรับขึ้น 0.01 บาท หรือ 2.17% มาที่ 0.47 บาท
หุ้น SEAFCO ปรับขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.56% มาที่ 6.50 บาท
หุ้น PYLON ปรับขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.97% มาที่ 5.20 บาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุวาระการลงมติ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 และ 3 ใหม่ ในวันที่ 13 ก.พ.63 ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 5 ต่อ 4 ตัดสินให้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 63 ไม่เป็นโมฆะ และสั่งให้มีการโหวตในวาระที่ 2 และ 3 ใหม่
ทั้งนี้ สภาฯตั้งเป้าหมายว่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันเดียว แต่หากไม่แล้วเสร็จ ก็จะขยายระยะเวลาออกไป แต่โดยรวมคาดว่าจะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรภายในวันศุกร์ที่ 14 ก.พ.63 หลังจากนั้นจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้วุฒิสภาพิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 5 วัน หมายความว่าขั้นตอนการตรากฎหมายจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.63 หลังจากนั้นจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเริ่มบังคับใช้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ ซึ่งน่าจะเป็นภายในเดือน มี.ค.63
กรณีดังกล่าวเท่ากับว่าการเบิกจ่ายงบประมาณปีนี้ล่าช้ากว่าปกติไป 5 เดือน แต่อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวก็ยังถือเป็นข่าวดี เมื่อเทียบกับความคาดหวังก่อนหน้าที่คาดว่าการเบิกจ่ายงบอาจล่าช้าไปไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยชื่นชอบบมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC),บมจ.ช.การช่าง (CKป และบมจ.ไพลอน (PYLON)
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ"เก็งกำไร" หุ้น STEC ให้ราคาพื้นฐาน 21.4 บาท/หุ้น ประเมินผลการดำเนินงาน STEC ในไตรมาส 4/62 จะเด่นกว่า CK โดยคาดว่า STEC จะมีกำไร 337 ล้านบาท ขณะที่คาด CK จะขาดทุน 49 ล้านบาท
ด้านทางเทคนิค STEC มีแนวรับ 15.8 บาท แนวต้านแรก 16.7 บาท หาก Breakout ผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 18-18.6 บาท ขณะที่ Trailing stop อยู่ที่ 15.5 บาท