NOBLE คงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.1-1.2 หมื่นลบ.ยอดขาย 1.2 หมื่นลบ.เปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 2.5 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 4, 2020 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 12,000 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทมีความพร้อมจะเร่งการทำการตลาดหลังคาดว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 น่าจะคลี่คลายได้ภายใน 6 เดือนนี้

ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 11,000-12,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ราว 8,000 ล้านบาท และยังมีสต็อกสินค้าเหลือขายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรับรู้ยอดโอนโครงการเดิมเข้ามาต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการ โนเบิล รีโคล สุขุมวิท 19 และโครงการ โนเบิล บีเทอร์ตี้ทรี สุขุมวิท อย่างไรก็ตาม ในปีก่อนมีการเร่งโอนโครงการค่อนข้างมากด้วย

ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 1 โครงการ ซึ่งพบว่ายังมียอดขายที่ดีอยู่ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของโครงการดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าในประเทศ มากกว่าต่างประเทศ ทำให้ยอดขายยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ส่วนโครงการ NUE งามวงศ์วาน ในสัปดาห์นี้ ยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการเลื่อนการเปิดตัวโครงการออกไปก่อน เนื่องด้วยกำลังซื้อที่เริ่มชะลอตัวลง โดยคาดว่าหากสถานการณ์คลี่คลายหรือกลับมาเป็นปกติ ก็จะกลับมาเปิดตัวโครงการได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามจากการเลื่อนเปิดโครงการดังกล่าว เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ เนื่องจากโครงการใหม่จะต้องใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี ระหว่างนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนนำสินทรัพย์ คือ โครงการคอนโดมิเนียม โนเบิล รีมิกซ์ สุขุมวิท 36 ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อื่น โดยมีมูลค่าการขายราว 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการได้ในไตรมาส 4/63 และคาดจะรับรู้เป็นรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเข้ามาทันที

นายธงชัย กล่าวว่า สำหรับนโยบายการกระจายความเสี่ยงของพร็อพเพอร์ตี้ โดยการไปลงทุนในประเทศอื่นๆนั้น บริษัทสนใจซื้อโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ เพื่อให้สามารถขายได้ทันที และด้ผลตอบแทนจากการลงทุนค่อนข้างเร็ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา 3-4 โครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ 1 โครงการภายในปีนี้ มูลค่าโครงการ 500-1,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน พ.ค.นี้ราว 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ในการลงทุนต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ