JWD รับรายได้ปีนี้หด 10% จากเดิมคาดโตกว่า 10% รับผลกระทบโควิด ลุ้นครึ่งปีหลังทยอยฟื้นเข้าสู่ไฮซีซั่น,ชะลอแผนซื้อกิจการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2020 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า คาดรายได้ปีนี้จะลดลงราว 10% จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้ 3,774.96 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการปิดเมือง (Lockdown) ในช่วงไตรมาส 2/63 ซึ่งจะมีผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะบริการรับฝากและบริหารยานยนต์ รวมไปถึงลานพักสินค้าอันตราย
แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ตามการผ่านคลายมาตรการต่างๆที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาดำเนินกิจการได้ จากเดิมที่ปิดไปเกือบทั้งหมด และคาดว่าจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลังโดยปกติแล้วจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งอยู่แล้ว

สำหรับประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนนั้น บริษัทได้รับทั้งปัจจัยบวกและลบ แต่ด้วยการที่บริษัทกระจายการลงทุนไปยังหลากหลายประเทศ และผู้ประกอบการที่มีฐานการผลิตในประเทศจีนก็ได้ย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม กัมพูชา และไทย ซึ่งเป็นฐานหลักธุรกิจของบริษัทอยู่แล้ว จึงได้รับผลกระทบเชิงบวกมากกว่า "ในช่วงไตรมาส 1/63 เรายังได้รับผลกระทบไม่มากนักเพราะมีหลายธุรกิจที่เราได้รับปัจจัยบวกเข้ามาทดแทนเช่นกัน แต่ช่วงไตรมาส 2/63 นี้ผลกระทบจะเข้ามาเต็มๆเพราะทุกกิจการต้องปิดทั้งหมด โดยเบื้องต้นคาดว่ารายได้จะลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากมองในสิ่งที่แย่ที่สุดเลยยังไงเราก็ลดลงไม่เกิน 30% โดยเราได้มีการกระจายการลงทุนไปยังหลายประเทศ หลายธุรกิจ และเรายังเน้นแผนการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพด้วย"นายชวนินทร์ กล่าว นายชวนินทร์ กล่าวต่อว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ในธุรกิจ e-Commerce เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการปรับโมเดลของภาคธุรกิจต่าง ๆ จาก Offline สู่แพลตฟอร์ม Online ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะกลายเป็น New normal จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่จะคิดค้นและพัฒนาโมเดลให้บริการที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ JWD ได้วางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยนอกจากการมุ่งเน้นบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รุกเข้าหาลูกค้ามากขึ้นเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่สามารถช่วยแก้ไข Pain Point แก่ลูกค้า และได้ขยายรูปแบบการให้บริการด้านโลจิสติกส์ใหม่ ๆ จากเดิมที่เน้นกลุ่ม B2B ที่เป็นลูกค้าธุรกิจ สู่กลุ่ม B2C เพื่อขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น "เราต้องการขยายธุรกิจ B2C เพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self-Storage) ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าออนไลน์เข้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น เราตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำบริการ Self-Storage ในประเทศไทย ที่มีพื้นที่ให้บริการรวมมากกว่า 20,000 ตารางเมตร ล่าสุดเราได้นำเสนอบริการใหม่ เช่น Cold Chain Express Delivery หรือ บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน ทั้งแบบแช่เย็น (Chilled) และ แช่แข็ง (Frozen) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ" นายชวนินทร์ กล่าว สำหรับแผนการเข้าซื้อกิจการในปีนี้บริษัทได้มีการชะลอแผนออกไปราว 2-3 ไตรมาส เพื่อติดตามแผนการดำเนินงานหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทที่อยู่ระหว่างพิจารณานั้นมีผลประกอบการที่ปรับตัวลดลง ซึ่งบริษัทดังกล่าวอยู่ในกิจการที่เกี่ยวเนื่องการภาคยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ