KCE ไหลลงหลังปรับขึ้นต่อเนื่องรับข่าวผู้บริหารทยอยซื้อ โบรกฯ คาดกำไรปีนี้หดแรง 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 26, 2020 11:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น KCE ราคาอ่อนลง 0.94% มาอยู่ที่ 21.10 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 339.51 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.28 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 21.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 20.90 บาท

ขณะที่ดัชนี SET อยู่ที่ 1,335.34 จุด เพิ่มขึ้น 9.46 จุด (+0.71%) เมื่อเวลา 10.29 น.

ราคาหุ้น บมจ.เคซีอี อิเลคโทรนิคส์ (KCE) เช้านี้ไหลลงสวนทางตลาดรวม หลังจากราคาปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์จากราคาปิดในสัปดาห์ก่อนที่ 19.20 บาท ตอบรับกรณีที่ผู้บริหารระดับสูงเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1.2% ในช่วง 18-22 มิ.ย.63 ราคาเฉลี่ย 19.38 บาท/หุ้น ซึ่ง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่าเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น

ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ปรับคำแนะนำหุ้น KCE เป็น"ถือ"จากเดิม"ขาย"พร้อมให้ราคาเป้าหมายใหม่ 20.60 บาท โดยเลื่อนไปอิงกับ P/E ปี 64F ที่ 20 เท่า ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 หดตัว -20%YoY เป็น 680 ล้านบาท ก่อนจะเติบโต +78% ในปี 64 เป็น 1.2 พันล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยหนุนจากยอดขายรถยนต์ในยุโรปที่ฟื้นตัว หลังจากมีมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ

สำหรับผลประกอบการของ KCE น่าจะลงสู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 ประมาณการยอดขายรูปดอลลาร์ลดลง -30%YoY และ -36%QoQ เป็น 67 ล้านดอลลาร์ เพราะสหรัฐและยุโรปมีการ Lockdown ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.63 อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะหดตัวเหลือ 16% จาก 19% ในไตรมาส 2/62 และจาก 24% ในไตรมาส 1/63 เพราะผลิตน้อยลงทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยสูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่าย SG&A คาดว่าจะลดลง -10%YoY, -18%QoQ ตามโครงการลดค่าใช้จ่าย เบื้องต้นคาดว่าจะขาดทุนดำเนินงานในไตรมาสนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยบริษัทได้มีการเบิกเงินมาสำรองไว้ 3 พันล้านบาทเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และลองทำ Stress test กรณีคำสั่งซื้อหายไป 50% พบว่ายังไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในยุโรปฟื้นตัวในเดือน พ.ค.63 แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 มาก และยังไม่ชัดเจนว่าการฟื้นตัวจะต่อเนื่องหรือไม่ เพราะบางประเทศในยุโรปเริ่มประกาศ Lockdown ในบางพื้นที่อีกครั้ง ส่วนยอดขายในจีนดูมีสัญญาณที่ดีกว่า โดยในเดือน พ.ค.63 เติบโต +14.5%YoY เนื่องจากมีเคมเปญของค่ายรถยนต์และรัฐบาลหลายประเทศให้แรงจูงใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ EV ด้านยอดขายในสหรัฐยังคงลดลงในเดือน พ.ค.63 (-25%YoY)


แท็ก SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ