SMIT คงเป้ารายได้ปี 50 ที่ 1.8 พันลบ.,เดินหน้ารง.กระดาษเสนอบอร์ดปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 22, 2007 16:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย ประธานกรรมการ บมจ.สหมิตรเครื่องกล (SMIT) เปิดเผยว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่ารายได้ในปี 50 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้กว่า 1.7 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้รายได้ของบริษัทฯอยู่ที่ 993 ล้านบาท เติบโต 8% แล้ว 
"แต่คงจะต้องขึ้นอยู่สถานการณ์ภายในประเทศด้วย บริษัทฯก็จะพยายามทำให้ได้ตามที่วางเป้าหมายไว้ และหากเรายังเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้าที่ 10% ต่อปี ก็ไม่น่าจะยากที่จะเห็นรายได้ของบริษัทฯ ไปอยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท"นายชัยศิลป์ กล่าว
บริษัทฯมีแผนใช้เม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 116-117 ล้านบาทภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโรงชุบแข็ง ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันตัน/ปี จากปัจจุบันที่มี 2 พันตัน/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท โดยสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามาในช่วงเดือน ธ.ค.50 และจะสามารถผลิตขายในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปี 51
รวมทั้ง การสร้างคลังเก็บสินค้าประเภทเหล็กขนาด 2,400 ตารางเมตร ที่ อ. บางปะกง จ.ฉะเชิงเทราที่จะใช้เงินประมาณ 27 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยขยายพื้นที่เก็บสต็อคสินค้าได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีคลังสินค้าอยู่ที่พระราม 3 ส่วนเงินลงทุนอีก 40 ล้านบาทจะใช้ในการผลิตใบมีดอุตสาหกรรมโดยนำเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นมาใช้ คาดว่าจะผลิตขายเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปีหน้า
นายชัยศิลป์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงสนใจลงทุนตั้งโรงงานกระดาษ แม้ว่าคณะกรรมการของบริษัทฯจะไม่เห็นด้วยในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะกังวลว่าจะต้องใช้เงินลงทุนมาก และจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังนั้นทางคณะกรรมการจึงให้กลับไปศึกษาใหม่อีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียให้ดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอผลศึกษาให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งในช่วงสิ้นปี 50
"ยอมรับว่า เรื่องนี้ได้คุยกันมาสักพักหนึ่ง และหากทำก็จะใช้เงินถึง 500 ล้านบาท เราจึงต้องระวังตัวและคิดให้รอบคอบ แต่การที่เรามี D/E ต่ำที่ 0.5 เท่า ก็น่าจะทำให้เราสามารถกู้เงินได้หากเราจะทำ และเรายังมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่มากก็น่าจะนำมาใช้ด้วยกันได้"นายชัยศิลป์ กล่าว
ทั้งนี้ หากบริษัทตัดสินใจลงทุนในโรงงานกระดาษก็คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการ 2-3 ปีจึงจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง และคาดว่าจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศก่อน จากนั้นจะต่อยอดไปขายต่างประเทศ ซึ่งโรงงานกระดาษนี้จะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ นอกเหนือจากธุรกิจที่มีอยู่ และการที่มีธุรกิจหลากหลายก็จะทำให้บริษัทฯลดความเสี่ยงได้ด้วย
ประธานกรรมการ SMIT กล่าวอีกว่า สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าบริษัทฯจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องจักร โดยได้กำหนดราคาไว้เรียบร้อยแล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ