PSH คาดผลงาน H2/63 ดีกว่า H1 เตรียมเปิด 6 โครงการแนวราบ 7.38 พันลบ. หลังมองดีมานด์ยังมีต่อเนื่อง-เร่งระบายสต็อก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 20, 2020 17:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) คาดว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นขึ้นและดีกว่าครึ่งปีแรก แม้ว่าบริษัทจะปรับลดเป้าหมายยอดขายและรายได้ให้สอดคล้องกับสถานการ์ณไปแล้วก็ตาม ซึ่งบริษัทมองถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีความต้องการซื้ออยู่ โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังเห็นลูกค้ามีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคงเน้นการเปิดโครงการแนวราบเป็นหลักในช่วงครึ่งปีหลังนี้

โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ซึ่งเน้นเป็นโครงการแนวราบ 6 โครงการ มูลค่ารวม 7.83 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เพราะโครงการแนวราบเป็นโครงการที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้เร็ว ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทยังคงควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่จะพยายามทำให้ลดลงหรือทรงตัวจากสิ้นไตรมาส 2/63 ที่ 17% และเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท จากการเร่งระบายสต็อกที่เหลือขายออกไปให้มากขึ้น เพื่อให้บริษัทมีรายได้กลับมา และทำให้ต้นทุนในการขายปรับตัวลดลง

นางสุพัตรา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 63 บริษัทจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุวงเงิน 2.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุ หรือจะออกหุ้นกู้ใหม่ถดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม โดยที่บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามภาวะตลาดตราสารหนี้ประกอบด้วยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร รวมถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งหากสูงกว่าเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบริษัทก็จะชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุทั้งหมดแทน และใช้แหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ทำให้บริษัทมีต้นทุนการเงินลดลง โดยที่บริษัทมีเงินทุนรองรับในการชำระคืนหุ้นกู้เพียงพอจากกระแสเงินสดของบริษัท และวงเงินเสริมสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์รองรับ

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ในเครือ PSH กล่าวว่า กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทยังคงเดินหน้าระบายสต็อกให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าในสิ้นปีนี้จะมีสต็อกลดลงเหลือ 1.5 หมื่นล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 2/63 ที่มีสต็อกเหลือ 2.01 หมื่นล้านบาท จากการเร่งทำการตลาดและโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย 19 โครงการไฮไลท์ มูลค่าเหลือขายกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ 10 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ และตั้งเป้าหมายยอดขายและยอดโอนจาก 19 โครงการไฮไลท์ที่เหลือขายในช่วงครึ่งปีหลังไว้ที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยเข้ามาสนับสนุนการเติบโตของภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังที่จะดีกว่าครึ่งปีแรก และเป็นไปตามเป้าหมายใหม่ของบริษัทที่ปรับลดลงมามีรายได้อยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท และยอดขาย 2.8 หมื่นล้านบาท

สำหรับการโอนโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามา อีก 7.45 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 2.53 หมื่นล้านบาท โดยที่โครงการที่คาดว่าจะมีการโอนมากที่สุดในช่วงไตรมาส 4/63 มาจากโครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 มูลค่า 2.72 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็นช่วงที่โครงการเริ่มดอนราว 2 พันล้านบาท และเป็นโครงการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเงินสดกว่า 40-50% ทำให้จะเป็นโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จที่เข้ามาช่วยหนุนรายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ด้านการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการแนวราบเป็นหลัก ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ มูลค่า 3.71 พันล้านบาท เน้นกลุ่มระดับราคา 2-3 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 4.12 พันล้านบาท เน้นระดับราคา 5-10 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 950 บ้าน เป็นคอนโดมิเนียมระดับราคา 2 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างยอดขายใหม่ให้กับบริษัท และทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ขณะที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะพยายามควบคุมให้ลดงลงมาไม่เกิน 30% จากครึ่งปีแรกที่ปรับมาที่ 35-40% โดยที่บริษัทได้ให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินเพื่อเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เข้ามาช่วยให้คำปรึกษากับลูกค้าที่กำลังจะโอนโครงการที่ซื้อกับบริษัท และร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆในการทำแคมเปญโปรโมชั่นดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่จะโอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ