CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" XO ออกซอสกัญชง-คุมต้นทุน หนุนผลงานโตต่อเนื่องถึงปี 65

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 16, 2021 13:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) หลังมองผลประกอบการมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 64 และต่อเนื่องไปในปี 65 จากความต้องการผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสที่สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์ Listing fee แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากสถานการณ์ค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ดีที่เห็นได้จากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

นอกจากนี้เตรียมส่งออกซอสกัญชงล็อตแรกใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อที่จะทำตลาดในสหภาพยุโรป โดยมีกระแสตอบรับที่ดีกว่าสินค้าใหม่อื่นๆ และเตรียมที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มกัญชงในช่วงไตรมาส 1/65 พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์กลุ่มซอสอีก 7,000 ตันต่อปี จากการขยายไลน์การผลิตใหม่ในครึ่งปีหลังปี 65 และยังมีแผนดำเนินการแนวทางนี้ต่อในปี 65 เพื่อขยาย Outlet ให้มากขึ้น

ทั้งนี้บริษัทยังได้ทำการล็อกราคาวัตถุดิบหลักที่ต้องใช้ (อย่างเช่น พริก, กระเทียม, และน้ำตาล) เอาไว้ล่วงหน้าไปจนถึงสิ้นปี 65 ขณะที่ความเสี่ยงด้านการแพ่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทได้ให้พนักงานรับวัคซีนครบทั้งหมดแล้ว

หุ้น XO ปิดเช้าที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.47 %) ขณะที่ดัชนี SET ปิดเช้าบวก 0.33%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เคจีไอ                         ซื้อ                     32.75
          ฟินันเซีย                        ซื้อ                     22.00
          เคทีบีเอสที                      ซื้อ                     26.00
          นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 64 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปถึงปี 65 โดยปัจจุบันมียอดขายของไตรมาส 3/64 เข้ามาแล้วราว 400 ล้านบาท แม้ว่าจะมีสถานการณ์การขาดแคลนของตู้คอนเทนเนอร์อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ดีเหมือนช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
          พร้อมกันนี้บริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์ Listing fee และจะยังคงดำเนินต่อเนื่องไปถึงปี 65 หลังจากประสบความสำเร็จและยอดขายปรับตัวพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทเตรียมที่จะส่งออกซอสกัญชงล๊อตแรกภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยเป็นการส่งออกสินค้าเพื่อทำการตลาดในยุโรป โดยกระแสตอบรับค่อนข้างดีกว่าสินค้าใหม่อื่นๆ และในขณะเดียวกันยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับกัญชงในช่วงไตรมาส 1/65
          นอกจากนี้ บริษัทได้เลื่อนขยายไลน์การผลิตกลุ่มซอสไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังปี 65 จากเดิมคือช่วงครึ่งปีหลังปี 64 โดยการขยายไลน์การผลิตดังกล่าวจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เกือบ 7,000 ตันต่อปี
          "แม้ว่าปัญหาตู้การขาดแคลนน์ตู้คอนเทนเนอร์จะยังกระทบต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าบริษัทจะยังแก้ไขปัญหาได้ดีเหมือนกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่บริษัทสามารถแก้ปัญหาได้ค่อนข้างดี และความต้องการซอสยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และต่อเนื่องไปในปี 65 "นายมงคล กล่าว
          บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ยังคงมีมุมบอกเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง จากโอกาสการเติบโตในระยะยาว โดยบริษัทยังคงคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด โดยได้ทำการล็อกราคาวัตถุดิบหลักที่ต้องใช้ อาทิ พริก กระเทียม และน้ำตาล ไว้ล่วงหน้าไปจนถึงสิ้นปี 65 ในขณะเดียวกันบริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยการจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานครบแล้ว
          ทั้งนี้บริษัทยืนยันว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ซอสกัญชงให้กับลูกค้าได่ก่อนสิ้นไตรมาส 3/64 นี้ และมีแผนที่จะวางจำหน่ายสินค้าอื่นที่มีส่วนผสมของกัญชงอีกในช่วงไตรมาส 1/65 โดยผลิตภัณฑ์กัญชงได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
          โดยได้มีการปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากเดิมที่ 20-25% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่า 40% และคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3 - ไตรมาส 4/64 จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อาจจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 จากฐานที่สูง
          ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทได้มีการปรับปรุงสายการผลิตโรงงานเดิม หลังมีการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 80% ช่วยให้กำลังการผลิตสูงขึ้น และเพียงพอรองรับคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางปี 65 ส่งผลให้แผนการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่เลื่อนไปเป็นช่วงกลางปี 65 ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่าย Listing Fee ที่สนับสนุนให้กับ Distributor ในปี 64 และยังมีแผนดำเนินแนวทางนี้ต่อในปี 65 เพื่อขยาย Outlet ให้มากขึ้น
          สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงไตรมาส 3/64 ส่งบวกจำกัด เนื่องจากบริษัทจำหน่ายสินค้าในรูปสกุลเงินบาทมากถึง 78% และสกุลเงินดอลลาร์ และ สกุลเงินยูโร ในสัดส่วน 18% และ 4% ตามลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ