ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ 1 หมื่นลบ.MINT ที่ A แนวโน้ม Negative

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 13, 2022 17:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่ระดับ "A" รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (MINT18PA) ของบริษัทที่ระดับ "BBB+"

ขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่เข้มแข็งของบริษัทจากการมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งและทำเลที่ตั้งของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่ครอบคลุม รวมถึงการที่บริษัทมีการบริหารจัดการสภาพคล่องที่ดีซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับภาวะความเสี่ยงในการดำเนินงานและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ในระหว่างที่ธุรกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว

ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 4.79 หมื่นล้านบาทและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 7.8 พันล้าน เมื่อพิจารณาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นจนถึงช่วงปลายปี 2564 แล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ที่สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้งที่ระดับ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทสำหรับทั้งปี

ตัวเลขที่สะท้อนสถานะเครดิตของบริษัทยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงมีทิศทางที่ฟื้นตัวในปี 2565 แม้ว่าอาจจะมีความเสี่ยงที่การฟื้นตัวจะสะดุดเป็นบางช่วงก็ตาม ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมีการบริหารจัดการงบดุลอย่างเข้มแข็งและมีแผนการขายสินทรัพย์ ทริสเรทติ้งจึงยังคงมีมุมมองว่าระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นโดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 7 เท่าภายในปี 2566

แนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปของโรคโควิด 19 และความเสี่ยงที่การฟื้นตัวของบริษัทอาจมีแนวโน้มที่จะล่าช้าออกไป

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากวิกฤตการณ์โรคโควิด 19 เลวร้ายลงยิ่งขึ้นและส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของบริษัท หรือหากสถานะสภาพคล่องของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีสาระสำคัญ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตสามารถกลับมาเป็น "Stable" หรือ "คงที่" ได้ หากสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ยังคงมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้นจนนำไปสู่สภาวะปกติทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจและบริษัทแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ชัดเจนของการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานและแนวทางที่ยั่งยืนในการฟื้นคืนสถานะเครดิตของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ