LEO เล็งปิดดีล JV-M&A ทั้งในประเทศ-ตปท.ต้นปี 66 ดันรายได้เพิ่ม 300-400 ลบ./ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 23, 2022 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการร่วมลงทุน (JV) ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัททั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์อีก 2-3 โครงการ รวมถึง M&A กับบริษัทในธุรกิจโลจิสติกส์ ในประเทศกัมพูชา แคนาดา เบลเยียม สิงคโปร์ และ จีน คาดว่าจะหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 1 หรือ 2 ของปี 66 ซึ่งบริษัทฯเหล่านี้จะมีรายได้รวมประมาณ 300-400 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ เหล่านี้ได้ภายในไตรมาส 3/66 เป็นอย่างช้า

แนวโน้มในปี 66 บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นปีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในปีนี้และปีหน้าอีกหลายโครงการ และมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ที่มีอัตรากำรขั้นต้นสูงถึง 30-50% เช่น การร่วมทุนกับ ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทระดับ Regional Player ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในการดำเนินธุรกิจ Logistics & Distribution Center

และ ร่วมลงทุนกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด (SK Asset Management Company Limited.) ในเครือ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อดำเนินโครงการ Self-Storage แห่งที่ 3 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า และพัฒนาธุรกิจคลังสินค้าและให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Self-Storage, Warehouse & Integrated Logistics Services Project) ต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage และ Warehouse ของบริษัทฯ

อีกทั้งยังจะจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) ในการดำเนินธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics Center) และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 65 มั่นใจว่ามีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่บริษัทเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจาก 9 เดือนแรกมีรายได้รวม 4,009.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 297.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144% ซึ่งเป็นผลกำไรที่มากกว่าผลกำไรทั้งปีของปี 64 ไปแล้ว

ปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการขนส่งทั้งทางเรือ อากาศ และรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจ Self Storage เพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มีลูกค้ากลุ่ม SME บริษัทออร์แกไนซอร์ กลุ่มลูกค้าที่ซ่อมบ้าน รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่นำของใช้ส่วนตัว และของสะสม กลับมาใช้บริการมากขึ้น

อีกทั้งบริษัทฯ ได้เปิด LEO Self Storage สาขาที่ 2 # Chinatown แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกของประเทศไทย ที่เป็นแหล่งการค้าและที่อยู่อาศัยที่สำคัญ ใจกลางถนนเจริญกรุง บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และมีแผนจะเปิดดำเนินการ Self Storage แห่งที่ 4 และลานเก็บตู้ Container แห่งที่ 2 ในปี 66

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการให้บริการขนส่งสินค้าทางราง จากสาธารณรัฐประชาชนจีน (คุนหมิง) - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เวียงจันทน์) - ประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด และทำให้ความร่วมมือในการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟร่วมกับทาง China Post และ Tengjun สามารถบริการได้ครอบคลุมการขนส่งทางรถไฟไปยังประเทศจีนได้มากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังจัดตั้งบริษัท Leo Sourcing & Supply Chain เพื่อทำหน้าที่เป็น ?One-Stop Service Provider? ให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซให้สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าจากประเทศจีน พร้อมกับกระจายสินค้าไปยังปลายทางทั่วโลก

บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 66 จะสร้างรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนได้อย่างน้อย 200 ล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจ Sourcing & Supply Chain ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดหาสินค้าจากประเทศไทยเพื่อไปขายให้กับ e-Commerce Platform ของ China Post และ Tengjun ในประเทศจีน รวมถึงการนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในประเทศไทย โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในส่วนนี้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทในปี 66 และจะเติบโตขึ้นเป็น 100-120 ล้านต่อปีตั้งแต่ปี 67

"แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทฯเดินตามแผนและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก่อนหน้า ถึงแม้สถานการณ์อัตราค่าระวางเรือทั่วโลกมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความสามารถบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่มีการบริการและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย มีสายเดินเรือและสายการบินที่เป็นพันธมิตรเป็นจำนวนมาก และมี Overseas Network ที่อยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทฯสามารถรักษาระดับอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ทางบริษัทได้รับจากค่าบริหารจัดการและการให้บริการที่ครบวงจรได้อยู่ในระดับที่ดี "

และ ล่าสุด บริษัทฯได้ผนึกกำลังวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี และ บริษัท แคนบิซ จำกัด จ.ตาก มาร่วมศึกษาและพัฒนาธุรกิจพืชเศรษฐกิจกัญชา จำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ให้กับอุตสาหกรรมทางการแพทย์-เครื่องสำอาง-อาหารเพื่อสุขภาพ โดย LEO ได้มีการนำเข้าเมล็ดกัญชาและเมล็ดกัญชงสายพันธุ์นอกให้กับผู้ประกอบการตามกฎหมาย ส่งมอบให้กับวิสาหกิจสุขฤทัยเกษตรปลอดภัยฯ เพื่อเพาะพันธุ์ต้นกล้าและขยายพันธุ์ต้นแม่กัญชาอย่างมีคุณภาพ บนพื้นที่เพาะปลูกของ บริษัท แคนบิซ จำกัด เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณลักษณะตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อในตลาด ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่เพาะปลูกที่มีศักยภาพ เพิ่มเติมจากการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจกัญชง อีกทั้งสามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้พืชเศรษฐกิจทั้งกัญชงและกัญชา อันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านวิชาการและปฏิบัติการประกอบอาชีพของเกษตรกร รวมถึงการศึกษาและหาทางพัฒนาให้ธุรกิจกัญชาและกัญชงเป็นหนึ่งในธุรกิจ NON-LOGISTICS ของทาง LEO และจะช่วยต่อยอดและผลักดันผลงานในปี 66 โตก้าวกระโดด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ