นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจยอดขายปี 66 เติบโต 15% จากการดำเนินกลยุทธ์ GO Firm มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น และ GO Broad การขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น ทำให้กำลังการผลิตกลับมาดีขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 66 บริษัทจะมุ่งเน้น 1.ปรับปรุงในส่วนของ Product mix ของธุรกิจหลักสาหร่ายในหลายๆ ประเทศ เช่น จีน ไทย เน้นกลุ่มสินค้าหลัก อย่างกลุ่มทอด อบ มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดสาหร่ายอบที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากเทรนด์คนรักสุขภาพ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นหนุนธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งขึ้นอีก
2. ตั้งเป้ารายได้จากช่องทางการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ทั้งรายได้และกำไร โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตไปในทาง Innovation Food ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการวางแผนโรดแมพภายใน 5 ปี ภายใต้กลยุทธ์ Go Global หรือการขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพ คาดว่าโรดแมพดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้
3. ยกระดับการผลิตในรูปแบบ Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการปรับปรุงสายการผลิต หลังจากที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการปรับปรุงสายการผลิตการทอด ทำให้มาร์จิ้นเติบโตดี และปีนี้จะมามุ่งเน้นการปรับปรุงสายการผลิตอื่นๆ อย่าง สายการผลิตย่าง ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกต่อปีราว 2,000 ล้านบาท และการปรับปรุง Product mix ของสินค้าย่างด้วย เพื่อยกระดับให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดจะเห็นภาพเชิงบวกได้ในไตรมาส 4/66 หรือปี 67
4. เร่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสาหร่ายในประเทศ และเพิ่มการกระจายสินค้าในช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ผ่านตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นกว่า 14 รายทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ เร่งเพิ่มอัตราการเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น รวมถึงมุ่งเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่และทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค
5.สร้างการเติบโตของธุรกิจเถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไซส์ โดยส่วนของร้านอาหารจะเริ่มการสรรหาบุคคลกรที่มีความสามารถ และรีเทล จะกลับมาเปิดร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ปีนี้ จำนวน 5 สาขา รองรับการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยว และขยายธุรกิจ QSR ทั้งในส่วนของบริษัทฯ และแฟรนไชส์เพิ่มเติม
6. มุ่งสร้างแบรนด์เถ้าแก่น้อยมากขึ้น จากที่ผ่านมาลดงบการตลาดในส่วนนี้ลง เนื่องจากปีนี้เริ่มเห็นการเติบโตของสาหร่ายในตลาดไทย รวมไปถึงจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมถึงสหรัฐฯ ที่จะกลับมามุ่งเน้นในเรื่องของแบรนด์ด้วยช่นกัน
สำหรับการขยายตลาดในสหรัฐฯ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันทำยอดขายได้แล้วกว่า 300 กว่าล้านบาท ถือว่าเป็นตลาดที่ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากเป็นตลาดขนมขนาดใหญ่สุดในโลก จึงมองว่าตลาดสหรัฐจะเป็น Star ของบริษัทในอนาคต
นายอิทธิพัทธ ยังกล่าวยืนยันว่า ครอบครัวพีระเดชาพันธ์ รวมถึงตนเอง ไม่มีแผนขายหุ้น TKN ในมือออกไปทั้งในระยะสั้นและยาว ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วย ส่วนการหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นเพิ่มเติมยังพิจารณาอยู่ แต่จะต้องช่วยให้บริษัทไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ หลังจาก บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ได้เข้ามาถือหุ้นแล้ว