
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 67 จะเติบโตไม่น้อยกว่าปี 66 ที่ทำได้ 30,443 ล้านบาท จากการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable) อย่างต่อเนื่อง โดยวางงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ BPP มีความสนใจเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ ที่มีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว เพิ่มอีก 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 700-800 เมกะวัตต์ หรือจะต้องมีขนาดไม่น้อยกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ในรัฐเท็กซัส คาดว่าจะเห็นความชัดเจนหรือสามารถปิดดีลได้ในครึ่งปีแรกนี้
โดยการเข้าลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ ต้องการเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 25-30% หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 100-200 เมกะวัตต์
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองโอกาสเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ใน 8 ประเทศที่กลุ่มบริษัทมีการดำเนินงานอยู่แล้ว โดยเฉพาะในจีน และอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันก็มองการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพลังงาน เช่น การขนส่งพลังงาน หรือโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจพลังงาน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ รวมถึงการทำแบตเตอรี่ฟาร์มในสหรัฐ เพื่อต่อยอดในธุรกิจซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) ในอนาคต
"ในปี 67 BPP ยังคงพัฒนาและขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพสู่สังคม หรือ Powering Society with Quality Megawatts ผ่าน 3 จุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1. ดำเนินงานด้วยคุณภาพระดับสากลจากความเชี่ยวชาญของทีมงานของ BPP เพื่อสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจและปรับตัวกับความท้าทายต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ผสานพลังร่วมในระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศยุทธศาสตร์ของ BPP และผนึกกำลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูผ่านการแบ่งปันองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสและมูลค่าทางธุรกิจ และ 3. สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่สังคมทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการเป็นองค์กรพลเมืองที่ดี ผ่านการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืน" นายกิรณ กล่าวปัจจุบัน BPP มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 3,642 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ COD แล้ว จำนวน 3,534 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกราว 108 เมกะวัตต์ และยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 68 จะเพิ่มเป็น 5,300 เมกะวัตต์ โดยจะมาจากโรงไฟฟ้า HELE & THERMAL จำนวน 4,500 เมกะวัตต์ และ Renewables 800 เมกะวัตต์