"สโตนวัน" เคาะขาย IPO หุ้นละ 3 บาท P/E 24.22 เท่า เปิดให้จองซื้อ 18-22 เม.ย.เทรด 26 เม.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 17, 2024 13:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สโตนวัน จำกัด (STX) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 65 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.00 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท มูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 2.66 บาทต่อหุ้น เปิดให้จองซื้อวันที่ 18-22 เม.ย.67 โดยมี บล.ไอวี โกลบอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง วันที่ 26 เม.ย.67

STX ได้แบ่งจำนวนหุ้นเสนอขาย 1) 64,000,000 หุ้น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป คิดเป็น 20.84% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลัง IPO 2) ไม่เกิน 500,000 หุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท คิดเป็น 0.16% และ ไม่เกิน 500,000 หุ้น เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท คิดเป็น 0.16%

ราคาหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ของบริษัท และสภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยราคาหุ้นละ 3.00 บาท คิดเป็น P/E เท่ากับ 19.10 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.16 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.66 ที่จำนวน 38.04 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นก่อน IPO ที่ 242.13 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution) และคิดเป็น P/E เท่ากับ 24.22 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.12 บาทต่อหุ้น คำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นหลัง IPO ที่ 307.13 ล้านหุ้น (Post-IPO Dilution)

สัดส่วนของ "ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร" ที่ไม่ติด Silent Period มีจำนวน 24,210,570 หุ้น คิดเป็น 7.88% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

STX เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการซื้อเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงงานรวมถึงการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 150 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 22.48 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 172.48 ล้านบาท

นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STX กล่าวว่า เหมืองใหม่ที่จะเข้าซื้อแต่ละเหมืองคาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% โดยเหมืองใหม่เป็นเหมืองหินปูน มาร์จิ้นสูงกว่าหินแกรนิต นอกจากนี้ในปี 67 บริษัทจะรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์จากแร่โดโลไมต์ซึ่งจะหนุนให้รายได้รวมเติบโตจำนวนมาก

นอกจากนี้ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 22.30 ล้านบาท เพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต และมั่นใจว่าหลังจากระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนฐานทุนบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ

STX วางเป้าหมายที่จะขยายแหล่งวัตถุดิบและการผลิตในอนาคต ต่อยอดธุรกิจหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยการเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองหินที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว หรือการพัฒนาเหมืองหินใหม่ ซึ่งอยู่ในที่ตั้งที่เหมาะสม พร้อมด้วยเจตนารมณ์การทำเหมืองอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้วยหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้รับรางวัลมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ (CSR-DPIM) รางวัลเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 และรางวัล Green Industry อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล และทบทวนเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานบริหาร STX กล่าวว่าการเติบโตของบริษัทสอดคล้องไปกับการพัฒนาประเทศตามแผนนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ ทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคไต้ (Southern Seaboard) รวมทั้งโครงการ Landbridge ทั้งนี้โครงการ EEC มีการประเมินความต้องการหินประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตหินให้ EEC เพียง 10 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากบริษัทสามารถระดมทุนได้ตามแผน และขยายเหมืองได้ภายในปีหน้า บริษัทจะมีเหมืองเพิ่มอีก 1 เหมืองที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ EEC ได้

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 38.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.48 ล้านบาท หรือ 76.5% สาเหตุหลักจากการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในปี 66 มีรายได้รวม 371.29 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 32.8% โดยปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้การขายหินแกรนิต 20 มม. ของเหมืองหนองข่าสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง กลับมาทำการผลิตดังเดิม รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่เหมืองจอมบึงที่เป็นโดโลไมต์ผง โดยมีการจำหน่ายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมกระจกและอุตสาหกรรมซีเมนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (Valued added) และเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น สนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 31.26% อัตรากำไรสุทธิ 10.24%

ปัจจุบัน STX ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ รวมทั้ง การให้บริการขนส่ง ให้บริการด้านขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าที่ไซต์งานอย่างครบวงจร ปัจจุบัน บริษัทและบริษัทย่อย มีเหมืองหิน 2 แห่ง ประกอบด้วย เหมืองหนองข่า (ผลิตและจำหน่ายหินแกรนิต) ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเหมืองจอมบึง (ผลิตและจำหน่ายหินปูนและแร่โดโลไมต์) ตั้งอยู่ที่ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยเหมือนหินทั้ง 2 ที่ของบริษัท ระยะทางห่างกันเกินกว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้านการขายของบริษัท โดยเหมืองหินแกรนิตซึ่งตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกของประเทศ จะสามารถจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าแถบจังหวัดชลบุรี ซึ่งรวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC และพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียง ในส่วนของเหมืองหินจอมบึงซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ ถือได้ว่าเป็นเหมืองหินขนาดใหญ่ในพื้นที่ สามารถจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าแถบจังหวัดราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง รองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง


แท็ก บัญชี  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ