โบรกฯแนะลงทุน"ปูนฯ-เหล็กเส้น"รับผลดีแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างทยอยขึ้น

บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ระบุว่า การที่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ หลายรายพร้อมใจปรับราคาขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งเดือนนั้นมองว่าผู้ประกอบการปูนซีเมนต์จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่หลายรายพร้อมใจปรับราคาขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งเดือน นอกจากนั้น ยังส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น สินค้าคอนกรีตผสมเสร็จ และเหล็กเส้น

ฝ่ายวิเคราะห์คาดหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ SCC ให้ราคาเป้าหมาย 324 บาท, SCCC ให้ราคาเป้าหมาย 240 บาท, TSTH ให้ราคาเป้าหมาย 1.97 บาท และ BSBM ให้ราคาเป้าหมาย 1.74 บาท

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า การที่ผู้ประกอบการปูนซีเมนต์ 4 รายจับมือในการขอปรับขึ้นราคาหลังจากที่ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นนั้น มองว่ามาจากต้นทุนการผลิตในปัจจุบันปรับขึ้น โดยเฉพาะถ่านหินซึ่งเป็นต้นทุนด้านพลังงานในการผลิตปูนซีเมนต์ และหากพิจารณาจะเห็นว่าจากปัญหาดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ GP ของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับลดลง

อย่างไรก็ตาม คงจะเห็นการปรับราคาขึ้นแน่นอน แต่จะปรับในระดับราคาเท่าไหร่เท่านั้น เพราะถ้าปรับขึ้นมากก็จะกลายเป็นภาระของธุรกิจที่มีใช้ปูนฯเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากนี้ก็ต้องพิจารณาถึงด้านดีมานด์ในขณะนี้ด้วยเพราะไตรมาส 3/53 เป็นหน้าฝนปริมาณในการใช้ก็อาจจะลดลงตามฤดูกาลอยู่แล้ว คงไม่มีประโยชน์ในการปรับขึ้นราคา หรืออีกแง่อาจจะเป็นการกระตุ้นในเชิงจิตวิทยาเพื่อให้รีบซื้อเก็บไว้

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบตต่อกลุ่มอสังหาฯบางตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นนัยมากนัก แม้ยอมรับว่าปูนฯเป็นต้นทุน แต่ต้นทุนหลักของธุรกิจอสังหาฯจริง ๆ จะอยู่ที่ราคาที่ดินมากกว่า เพระค่าก่อสร้างนั้นผู้ประกอบการก็สามารถผลักภาระไปยังผู้บริโภคได้

แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นก็ย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะจะทำให้ GP ลดลง คาดว่าผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการแนวราบจะได้รับผลกระทบมากกว่าแนวสูงเพราะใช้วัตถุดิบปริมาณมากกว่า แต่ขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็จะมีวิธีป้องกันด้วยการล็อคสัญญาซื้อไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะไม่รุนแรงมากนัก