(เพิ่มเติม) NOBLE เผย"กิตติ ธนากิจอำนวย"พร้อมด้วยผู้บริหาร-บอร์ดเข้าซื้อหุ้นจากผถห.ต่างชาติและรายอื่นๆ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 12, 2018 13:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งว่าในช่วงเช้าของวันที่ 12 มิ.ย.61 นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ รักษาการกรรมการผู้จัดการของบริษัท ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 120,088,798 หุ้น คิดเป็น 26.31% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทจากผู้ถือหุ้น และ nCrowne Ple.Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยกรรมการและผู้บริหารของบริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 104,200,200 หุ้น คิดเป็น 22.83% จาก Mr.Stephane Michale Rosales Sedano

ภายหลังการทำรายการแล้วทำให้โครงการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ นายกิตติจะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 34.27% จากเดิม 7.96% และ nCrowne จะเข้าถือหุ้น 22.83% ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 42.91% จากเดิม 69.21% ขณะที่ Mr.Stephane Michale Rosales Sedano ขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท

โดยผลของการซื้อขายหุ้นดังกล่าว นายกิตติ และ nCrowne จึงมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ ซึ่งรวมถึงหุ้นและหลักทรัพย์แปลงสภาพ (ถ้ามี) อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงานและโครงสร้างการจัดการของบริษัทแต่อย่างใด

พร้อมกันนั้น นายกิตติ และ nCrowne ได้แจ้งประกาศเจตนาในการเข้าซื้อหุ้นเพื่อครอบงำกิจการ NOBLE ราคาที่คาดว่าจะเสนอซื้อ 12.25 บาท/หุ้น ซึ่งจะสามารถยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการภายใน 21 มิ.ย.นี้ โดยจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอซื้อ 195,851,458 หุ้น คิดเป็น 42.91% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ประมาณการมูลค่าราว 2.4 พันล้านบาท

นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าซื้อหุ้น NOBLE จากผู้ถือหุ้นครั้งนี้รวมจำนวน 224,288,798 หุ้น คิดเป็น 49.14% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 12.25 บาท เป็นไปอย่างโปร่งใส โดยหลังจากซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวนี้แล้ว ก็จะทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) เพื่อให้โอกาสอันเสมอภาคกับผู้ถือหุ้นทุกราย อันเป็นการดำเนินการด้วยความยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในครั้งนี้ตนก็จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท

"ผมมั่นใจว่าการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในครั้งนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจในเรื่องความเป็นเอกภาพและความมั่นคงของบริษัท แบรนด์ "โนเบิล" จะมีความแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เรายังคงเป็นผู้นำในการเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ของการอยู่อาศัยที่แตกต่างด้วยดีไซน์และนวัตกรรม มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง ที่ทำให้ผู้บริโภคมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำความเติบโตที่มั่นคงเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้นและสังคมได้อย่างดีต่อไป ในอนาคตเราจะสร้างสรรค์โครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ครอบคลุมทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวซึ่งเรามีทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมอยู่แล้ว"นายกิตติ กล่าว

อนึ่ง ผลประกอบการครึ่งปีแรก 61 ของ NOBLE สามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครได้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ และ โนเบิล อราวด์ อารีย์ เป็นมูลค่ารวมกว่า 5,700 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ