ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) โดยนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำเพราะมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดการเงินผันผวนอย่างหนัก หลังจากมีข่าวว่าแบร์ สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จนต้องขายกิจการให้เจพีมอร์ เชส แอนด์ โค สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,002.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,033.90-996.40 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 20.300 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 35.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวลง 14 เซนต์ ปิดที่ 3.6850 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,973.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 102.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 485.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 29.10 ดอลลาร์ จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากคิทโก บุลเลียน ดีลเลอร์ส ในเมืองมอนทรีอัล กล่าวว่า "ข่าวแบร์ สเติร์นส์ขายกิจการให้เจพีมอร์แกนทำให้ดอลลาร์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนแห่กันเข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างหนาแน่น ตลาดทองคำถูกมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยมากในยามที่ตลาดการเงินผันผวนอย่างหนัก" "นอกเหนือจากข่าวขายกิจการของแบร์ สเติร์นส์แล้ว ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.25% เมื่อวานนี้ เพื่อคลี่คลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ" เนดเลอร์กล่าว