กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 18 เม.ย.พุ่งขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 316.1 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อคน้ำมันเบนซินร่วงลง 3.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 212.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อคน้ำมันกลั่นซึ่งรวมน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ร่วง 1.4 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 104.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 300,000 บาร์เรล ขณะที่อัตราการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 4.2% แตะระดับ 85.6 % ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่รอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ. สต็อคน้ำมันข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน