ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (9 พ.ค.) จากความหวังที่เพิ่มขึ้นว่าความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลกจะผ่อนคลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 537.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.33 จุด หรือ +0.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,743.75 จุด เพิ่มขึ้น 49.31 จุด หรือ +0.64%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,499.32 จุด เพิ่มขึ้น 146.63 จุด หรือ +0.63% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,554.80 จุด เพิ่มขึ้น 23.19 จุด หรือ +0.27%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% ในสัปดาห์นี้ท่ามกลางปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 2% และ 0.9% ตามลำดับ
หุ้นบีพี (BP) พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า เชลล์ (Shell), เชฟรอน (Chevron), เอ็กซอน โมบิล (Exxon Mobil), โททาลเอเนอร์จีส์ (TotalEnergies) และเอดีเอ็นโอซี (ADNOC) ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเทกโอเวอร์บริษัทน้ำมันบีพี
หุ้นกลุ่มยานยนต์ซึ่งมักได้รับผลกระทบจากข่าวเกี่ยวกับภาษีศุลกากร เพิ่มขึ้น 0.8% และเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบสัปดาห์นี้
ก่อนหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนควรเปิดตลาดให้กับสหรัฐฯ และกล่าวว่าอัตราภาษี 80% สำหรับสินค้าจีน "ดูเหมาะสม" โดยในปัจจุบัน จีนเผชิญกับภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่อัตราสูงถึง 145%
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ และจีน สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจะเจรจากันที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันเสาร์นี้ (10 พ.ค.) เพื่อหาทางยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน
โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ เตรียมประกาศข้อตกลงการค้าหลายฉบับในช่วงเดือนหน้า แต่ภาษี 10% ที่ใช้กับหลายประเทศจะยังคงอยู่ แม้ว่าสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับสหราชอาณาจักรก็ตาม