ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับขึ้นตามราคาสินแร่โลหะที่สูงขึ้น ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของตลาดที่เป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าด้านการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,811.04 จุด เพิ่มขึ้น 9.75 จุด หรือ +0.11%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรง โดยพุ่งขึ้น 1.8% ตามราคาทองแดงที่แตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน ขณะเดียวกัน ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าก็พุ่งขึ้นถึง 3.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวกดดันตลาด อาทิ หุ้นดับเบิลยูพีพี (WPP) ซึ่งเป็นกลุ่มโฆษณา และหุ้นเซนส์บิวรีส์ (Sainsbury's) ผู้ค้าปลีกอาหารรายใหญ่ เนื่องจากหุ้นทั้งสองตัวนี้ซื้อขายแบบไม่มีสิทธิ์รับเงินปันผล
หุ้นวิซ แอร์ (Wizz Air) ร่วงลงถึง 27.9% หลังสายการบินต้นทุนต่ำรายนี้รายงานว่ากำไรจากการดำเนินงานประจำปีลดลงราว 62% โดยให้เหตุผลว่ามีข้อจำกัดด้านความสามารถในการให้บริการ เนื่องจากเครื่องบินบางลำถูกสั่งหยุดบิน
หุ้นสายการบินอื่น ๆ อย่าง อีซี่เจ็ต (easyJet) และไอซีเอจี (ICAG) ต่างก็ร่วงลงประมาณ 1%
ในทางตรงกันข้าม หุ้นดร.มาร์เทนส์ (Dr Martens) พุ่งขึ้น 25.8% หลังจากผู้ผลิตรองเท้าบู๊ตรายนี้คาดการณ์ว่า กำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีงบการเงินปัจจุบัน
ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวผันผวนในช่วงเที่ยงวัน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้โทรศัพท์หารือกัน และเห็นพ้องจะจัดการเจรจาเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายข้อขัดแย้งเรื่องภาษี
ในยุโรปนั้น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามคาด แต่ก็ส่งสัญญาณว่าจะหยุดวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่ดำเนินมาตลอดหนึ่งปี
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษนั้น ผลสำรวจระบุว่า บริษัทก่อสร้างในสหราชอาณาจักรลดจำนวนพนักงานลงในเดือนที่แล้วมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี สะท้อนถึงต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้นและความต้องการที่ลดลง
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ (6 มิ.ย.) ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หากมีสัญญาณอ่อนแอในตลาดแรงงาน