ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (16 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธข่าวการปลดเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยคำยืนยันของปธน.ทรัมป์ช่วยให้ตลาดพลิกกลับสู่แดนบวก หลังจากที่ร่วงลงในช่วงแรก
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,254.78 จุด เพิ่มขึ้น 231.49 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,263.70 จุด เพิ่มขึ้น 19.94 จุด หรือ +0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,730.49 จุด เพิ่มขึ้น 52.69 จุด หรือ +0.25%
ในระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 200 จุด ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1% หลังจากสื่อหลายแห่งรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า ปธน.ทรัมป์ได้แจ้งต่อสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันว่า เขาจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด หลังจากได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรค
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว และยืนยันว่าเขาไม่มีแผนที่จะปลดพาวเวล แม้ที่ผ่านมาเขาจะวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลที่ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ได้วิจารณ์การปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเฟดในกรุงวอชิงตัน จนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเขาอาจพยายามหาข้ออ้างในการปลดพาวเวล
ทั้งนี้ คำยืนยันดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ช่วยหนุนดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีดีดตัวขึ้น ขณะที่ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ลดช่วงลบ หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์อันเนื่องมาจากข่าวปลดพาวเวล
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5% และต่ำกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.7%
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% และต่ำกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.22% และ 1.07% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.84% และ 0.15% ตามลำดับ
ธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในวันพุธ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs), แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) และมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) แต่ก็ไม่สามารถหนุนราคาหุ้นธนาคารเหล่านี้ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ โดยหุ้นโกลด์ แมนแซคส์ ขยับขึ้นเพียง 0.9% ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวลง 0.3% และ 1.3% ตามลำดับ
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) ทะยานขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทปรับลดความคาดการณ์ต้นทุนการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรในปีนี้ลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มคาดการณ์ยอดขายและกำไรตลอดปีงบการเงิน 2568