ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงเกือบ 200 จุด หลุดระดับ 44,000 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขภาคบริการที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ นักลงทุนขายทำกำไร ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,987.65 จุด ลบ 185.99 จุด หรือ 0.42%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5
ดัชนีภาคบริการได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานประสบภาวะหดตัว
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่ต่อชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในเร็ว ๆ นี้ โดยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
"เรากำลังจะประกาศเรื่องชิปและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหมวดแยกต่างหาก เพราะเราต้องการให้มันถูกผลิตในสหรัฐ โดยการประกาศนี้จะมีขึ้นภายในสัปดาห์หน้า" ปธน.ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ Squawk Box ของสำนักข่าว CNBC
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า ยาที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐ อาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 250% ซึ่งถือเป็นอัตราภาษีสูงสุดที่ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจนถึงขณะนี้
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเริ่มต้นด้วยการเก็บ "ภาษีศุลกากรเพียงเล็กน้อย" สำหรับยา แต่ภายในระยะเวลา 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง "เป็นอย่างมากที่สุด" เขาจะเพิ่มอัตราภาษีดังกล่าวสู่ระดับ 150% และจากนั้นเป็น 250%
"เราต้องการให้ยาถูกผลิตในประเทศของเราเอง" ปธน.ทรัมป์กล่าว