ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนบวก ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนเกี่ยวกับบริษัท ติ๊กต๊อก (TikTok) แล้ว และปธน.ทรัมป์จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับปัจจัยบวกจากคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ณ เวลา 20.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 45,899.44 จุด บวก 65.22 จุด หรือ 0.14%
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังมีรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้เข้าซื้อหุ้นเทสลาครั้งใหญ่ ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นของนายอีลอน มัสก์ต่อทิศทางบริษัท
ทั้งนี้ นายมัสก์เปิดเผยในวันนี้ว่า เขาได้ซื้อหุ้นเทสลาจำนวน 2.57 ล้านหุ้นในวันศุกร์ คิดเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นเทสลาครั้งแรกของนายมัสก์นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และครั้งใหญ่ที่สุดของเขา หลังจากที่ได้เข้าซื้อหุ้นราว 200,000 หุ้น มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความใน Truth Social วันนี้ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนเกี่ยวกับบริษัท ติ๊กต๊อก (TikTok) แล้ว และปธน.ทรัมป์จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันศุกร์นี้
"การประชุมการค้าครั้งใหญ่ในยุโรประหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เป็นไปอย่างดีมาก! โดยการประชุมดังกล่าวจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า""นอกจากนี้ ที่ประชุมยังสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับ "บริษัทแห่งหนึ่ง" ที่คนหนุ่มสาวในประเทศของเราอยากให้ช่วยรักษาไว้ พวกเขาจะต้องดีใจมาก! และผมจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันศุกร์นี้ ความสัมพันธ์ยังคงแข็งแกร่งมาก!!!" ปธน.ทรัมป์ระบุ
ทั้งนี้ ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok เผชิญเส้นตายในการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐภายในวันที่ 17 ก.ย. มิฉะนั้น TikTok จะถูกยกเลิกบริการในสหรัฐ
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ โดยเฟดจะเริ่มวัฏจักรปรับลดอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งที่เหลือในปีนี้
ทั้งนี้ เฟดเริ่มส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมาในเดือนก.ค. จากการที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกในการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-2 ในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว โดยกรรมการ 9 รายลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ส่วนอีก 2 รายคือนางมิเชล โบว์แมน และนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด มีความเห็นสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม และตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนแอในไม่ช้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2536 ที่คณะกรรมการ FOMC เสียงแตกโดยมีสมาชิกมากกว่า 1 รายโหวตสวนมติของที่ประชุมใหญ่ FOMC
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในการประชุมเดือนต.ค.และธ.ค.
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด หลังเสร็จสิ้นการประชุมวันที่ 17 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ รายงาน Dot Plot ครั้งล่าสุดในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้, ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570 โดย Dot Plot บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1% ในช่วงปี 2568-2570