ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้เสียของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐ
ณ เวลา 21.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 151.04 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 46,103.28 จุด
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่านักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้เสียของธนาคารสหรัฐ
'เราไม่คิดว่าภาคธนาคารสหรัฐเกิดปัญหาสินเชื่อในเชิงระบบ สิ่งที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นกรณีเฉพาะธนาคารบางแห่ง ขณะที่คุณภาพสินเชื่อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับดีกว่าที่คาดไว้' นายอดัม คริซาฟูลลี จากบริษัท Vital Knowledge ระบุในรายงาน
หุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐร่วงลงอย่างหนักวานนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลง โดยนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านสินเชื่อในระบบการเงินสหรัฐ ขณะที่ภาคธนาคารเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ดัชนีหลักของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ แม้ตลาดดิ่งลงวานนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์บวก 1% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 พุ่งขึ้น 1.6% และ 1.2% ตามลำดับ
นายมาร์ก ปินโต หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อภาคเอกชนระดับโลกของมูดี้ส์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า แม้มีความกังวลเกี่ยวกับหนี้เสียในกลุ่มธนาคารขนาดกลางของสหรัฐ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงปัญหาในเชิงระบบ
นายปินโตกล่าวว่า แม้มีความวิตกเกี่ยวกับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่หย่อนยาน และเงื่อนไขการให้กู้ยืมที่ผ่อนคลายเกินไปของธนาคารบางแห่ง แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมของระบบการเงินโดยรวมของสหรัฐแล้ว ยังไม่พบสัญญาณของการลุกลามของปัญหาที่อาจนำไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่
'เมื่อเราขุดลึกลงไปและพยายามดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงในวัฏจักรสินเชื่อหรือไม่ เราไม่พบหลักฐานใด ๆ เลย'
'นี่คือสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่หากดูจากคุณภาพของสินทรัพย์ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา เราแทบไม่เห็นการเสื่อมถอยของคุณภาพสินเชื่อ' นายปินโตกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวานนี้ หลังจากธนาคาร Zions Bancorp และ Western Alliance Bancorp เปิดเผยว่ามีหนี้เสียจากการล้มละลายของบริษัทผู้ให้สินเชื่อรถยนต์ 2 แห่ง
นอกจากนี้ ความกังวลดังกล่าวยังฉุดให้หุ้นของธนาคาร Jefferies ร่วงลง หลังเปิดเผยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ First Brands ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ประสบภาวะล้มละลาย
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกังวลว่าปัญหาดังกล่าวอาจลุกลามในวงกว้าง หลังจากก่อนหน้านี้ นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เคยเตือนว่า 'เมื่อคุณเห็นแมลงสาบตัวหนึ่ง ก็มักจะมีตัวอื่น ๆ ตามมาอีก'
อย่างไรก็ดี นายปินโตตอบกลับว่า 'แมลงสาบตัวเดียวไม่ได้หมายความว่ามันจะกลายเป็นแนวโน้ม' และเสริมว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงในปีนี้อยู่ในระดับต่ำกว่า 5% และคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 3% ภายในปีหน้า ขณะที่ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2551 อัตราผิดนัดหนี้ในกลุ่มนี้อยู่ในระดับ 'เลขสองหลักต้น ๆ'
นอกจากนี้ นายปินโตกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ แม้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่อ่อนแอ และผลกระทบจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และอุปสงค์ลดลง
'เมื่อพิจารณาการขยายตัวของ GDP ขณะนี้เราทำได้ดีกว่าที่หลายคนคาดไว้เมื่อหกเดือนก่อน ดังนั้น หากพิจารณาสภาพสินเชื่อร่วมกับการเติบโตของ GDP และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง เรามองว่าคุณภาพสินเชื่อในขณะนี้อยู่ในจุดที่ดี และอาจจะดีขึ้นอีก' นายปินโตกล่าว