ตลาดหุ้นเอเชียแปิดบวกในวันนี้ (20 ต.ค.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 48,332.71 จุด เพิ่มขึ้น 750.56 จุด หรือ +1.57%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,884.46 จุด เพิ่มขึ้น 637.36 จุด หรือ +2.52% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,865.55 จุด เพิ่มขึ้น 25.79 จุด หรือ +0.67%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.36% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดขยับลง 0.1%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะลดความตึงเครียดทางการค้ากับจีน โดยกล่าวว่าการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่สูงขึ้นมากซึ่งเขาเคยขู่ว่าจะดำเนินการกับจีนนั้น จะไม่ใช่มาตรการที่ยั่งยืน นอกจากนี้ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะเจรจาร่วมกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสองประเทศ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2568, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย. และอัตราว่างงานเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP จีนจะขยายตัวเพียง 4.8% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 5.2%
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.0% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง