ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของบิตคอยน์และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ณ เวลา 23.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 220.59 จุด หรือ 0.47% สู่ระดับ 47,509.92 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ดิ่งลงกว่า 400 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลงตามกัน หลังการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบิตคอยน์
ข้อมูลจาก Stock Trader's Almanac ระบุว่า เดือนธ.ค.มักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 1% ในเดือนดังกล่าว ส่งผลให้เดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปี นับตั้งแต่ปี 2493
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในการประชุมรอบนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 12.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.9% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.