ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ (3 ธ.ค.) โดยบางส่วนปรับตัวขึ้นตามตลาดวอลล์สตรีท ท่ามกลางความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 49,862.94 จุด เพิ่มขึ้น 559.49 จุด หรือ +1.13%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,843.01 จุด ลดลง 252.04 จุด หรือ -0.97% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,894.22 จุด ลดลง 3.49 จุด หรือ -0.09%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.13% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.23%
นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 89.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 63% ในเดือนที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดแทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะประกาศชื่อผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า ขณะที่สื่อรายงานว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวและเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ เป็นตัวเก็งในการนั่งตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชียเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 0.4% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.7% และเมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลข GDP ขยายตัว 2.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.2%
ด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า GDP ที่แท้จริงของเกาหลีใต้ ขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัว