ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 00.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 324.50 จุด หรือ 0.68% สู่ระดับ 47,798.96 จุด
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. โดยธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากที่สุด
ภาวะการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนพ.ย. ย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 47,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในการประชุมรอบนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 10.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.9% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นเดียวกันในเดือนส.ค.