ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้นว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคจะปิดฉากปี 2568 อย่างแข็งแกร่ง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,480.76 จุด เพิ่มขึ้น 973.55 จุด หรือ +1.97%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,742.24 จุด เพิ่มขึ้น 51.71 จุด หรือ +0.20% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,915.20 จุด เพิ่มขึ้น 24.75 จุด หรือ +0.64%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.84% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.70%
ส่วนราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงเช้านี้ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลาเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ล่าสุดสื่อรายงานว่า หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กำลังไล่ล่าเรือในกองเรือเงาที่ถูกคว่ำบาตร เรือลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายลักลอบขนส่งน้ำมันที่ผิดกฎหมายของเวเนซุเอลา โดยมีการชักธงปลอมอำพรางและมีคำสั่งศาลให้อายัดทรัพย์ไว้แล้ว ซึ่งหากจับกุมสำเร็จ เรือลำนี้จะนับเป็นเรือบรรทุกน้ำมันลำที่ 3 ที่เชื่อมโยงกับเวเนซุเอลาซึ่งถูกสหรัฐฯ สกัดจับภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่า ภาวะการซื้อขายในช่วงปลายปีจะเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากมีแรงช้อนซื้อเข้าหนุนตลาดในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งช่วยให้ราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านั้น อันเนื่องมาจากกระแสความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI)
สำหรับความเคลื่อนไหวในช่วงเช้าวันนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แม้ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง