ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 39.60 จุด ขานรับนลท.เชื่อมั่นผลประกอบการ,หุ้นเทคโนฯพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 7, 2018 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,502.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.60 จุด หรือ +0.16% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,850.40 จุด เพิ่มขึ้น 10.05 จุด หรือ +0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,859.68 จุด เพิ่มขึ้น 47.66 จุด หรือ +0.61%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ ขานรับมุมมองบวกที่นักลงทุนมีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยรายงานระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 80% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ หากบริษัท 80% หรือมากกว่า มีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ก็จะถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2551

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นแอปเปิล ขยับขึ้น 0.5% หุ้นอเมซอน ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้น 0.8% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนหุ้นอินเทลปิดขยับลงเล็กน้อยที่ 0.06% หลังจากที่ร่วงลงกว่า 1% ในระหว่างวัน สืบเนื่องจากบาร์เคลย์สประกาศปรับลดอันดับความน่าลงทุนของอินเทล สู่ระดับ equal weight จากระดับ overweight โดยระบุถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นพรอกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวขึ้น 0.9% ทั้งนี้ หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2

ส่วนหุ้นของบริษัทจีนที่จะทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นยัม ไชน่า และหุ้นอาลีบาบา ร่วงลง 1.9% และ 1.2% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นนิว โอเรียนทัล และหุ้นเบจีน ดีดตัวขึ้น 1.8% และ 1% ตามลำดับ

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ ซึ่งจีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน โดยทำเนียบขาวประกาศว่า สหรัฐจะรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรต่อภาคการเงินและอุตสาหกรรมของอิหร่าน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันนี้ และถือเป็นมาตรการรอบแรก ก่อนที่สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ