ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนมี.ค. บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าคาดในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
ณ เวลา 20.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 166 จุด หรือ 0.64% สู่ระดับ 26,079 จุด
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนก.พ. โดยดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นมากกว่า 11% ซึ่งเป็นการปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2534 โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐกำลังจัดเตรียมข้อตกลงการค้าสำหรับการลงนามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในช่วงกลางเดือนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 โดยมีการขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 3.4% ในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะ 4.2% ในไตรมาส 2 และแตะระดับ 2.2% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.9% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 และสูงกว่า 2.2% ในปี 2560 แต่ต่ำกว่าระดับ 3% ซึ่งเป็นเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น 2.8% ขณะที่การใช้จ่ายของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 6.7% ส่วนการลงทุนในสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น 9.71 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี การขาดดุลการค้าได้กระทบต่อ GDP ในไตรมาส 4 คิดเป็นสัดส่วน 0.22% ขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) กระทบต่อ GDP ราว 0.1%