ดาวโจนส์อ่อนตัว นักลงทุนจับตาผลประกอบการ,รายงานประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 10, 2019 21:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้

ณ เวลา 21.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,113.38 จุด ลบ 37.20 จุด หรือ 0.14%

ทั้งนี้ เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนมี.ค.ในคืนนี้ โดยในการประชุมดังกล่าว เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% พร้อมกับส่งสัญญานว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU)

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด

อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับการขยายตัวในปี 2561

"ดุลความเสี่ยงยังคงอยู่ในช่วงขาลง และการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจะทำให้มีการดีดตัวขึ้นของต้นทุนของสินค้านำเข้าขั้นกลาง, สินค้าทุน และราคาสินค้าขั้นสุดท้ายสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้า และความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางการค้า จะทำให้การลงทุนลดลง, ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และการขยายตัวของประสิทธิภาพการผลิตชะลอตัวลง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของภาคเอกชนลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" IMF ระบุ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ระบุว่า สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินระบุว่า การที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ

"WTO พบว่าการที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ และขณะนี้สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งที่ผ่านมา EU ได้เอาเปรียบทางการค้าต่อสหรัฐเป็นเวลาหลายปี แต่ EU จะต้องยุติการกระทำดังกล่าวในไม่ช้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง

ดัชนี CPI ได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน, อาหาร และค่าเช่า

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.8% หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับเดือนก.พ.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.0% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ใน เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ