ดาวโจนส์ลบกว่า 100 จุด หลังเผยตัวเลขศก.จีน-สหรัฐซบ หวั่นสงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจโลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 15, 2019 21:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีนและสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,381.77 จุด ลบ 150.28 จุด หรือ 0.59%

หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงกว่า 1% ในการซื้อขายช่วงแรก โดยหุ้นของบริษัทถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักในวันนี้เช่นกัน

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5%

นอกจากนี้ NBS รายงานว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 7.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.6% จากระดับ 8.7% ในเดือนมี.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.เป็นพุ่งขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 จากเดิมที่ระดับ 1.6% หลังจากที่ร่วงลง 0.2% ในเดือนก.พ.

การปรับตัวลงของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์

เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนเม.ย.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนมี.ค.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการผลิตรถยนต์ และอะไหล่

เฟดเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.5% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ขณะที่ภาคการผลิต และสาธารณูปโภคร่วงลงในเดือนเม.ย. แต่ภาคเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ทำให้จีนตอบโต้เมื่อวันจันทร์ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเตรียมประกาศขึ้นภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป โดยปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ในวันเสาร์ตามเวลาไทย ในการประกาศขึ้นภาษีดังกล่าว หลังจากที่เขาเคยขู่เมื่อปีที่แล้วว่าจะขึ้นภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป สู่ระดับ 20% โดยอ้างว่าตัวเลขขาดดุลการค้าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ

นายคริสตอฟ ชอน ผู้อำนวยการบริหารของบริษัท Axioma ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการความเสี่ยง คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นเยอรมนีจะร่วงลงถึง 6% ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์และอะไหล่จะทรุดตัวลง 12% หากปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีดังกล่าว

ราคาหุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่บริษัทรายงานกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก

ทั้งนี้ เมซีส์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 44 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 33 เซนต์/หุ้น

อย่างไรก็ดี รายได้อยู่ที่ระดับ 5.504 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.505 พันล้านดอลลาร์

เมซีส์ยังระบุว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 0.7% เทียบกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดขายจะลดลง 0.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ