ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับการทำข้อตกลงทางธุรกิจในเยอรมนี ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีน-สหรัฐแล้ว และได้มุ่งความสนใจมากกว่าไปที่สถานการณ์การค้าระหว่างยุโรปและสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.27% ปิดที่ 382.88 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,448.11 จุด เพิ่มขึ้น 73.85 จุด หรือ +1.37% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,310.37 จุด เพิ่มขึ้น 210.80 จุด หรือ +1.74% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,353.51 จุด เพิ่มขึ้น 56.56 จุด หรือ +0.78%
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับข่าวการทำข้อตกลงด้านธุรกิจในเยอรมนี โดยหุ้นของบริษัทธิสเซ่นครุปป์ พุ่งขึ้น 9.37% หลังมีรายงานว่า บริษัทโคเน่ ของฟินแลนด์อาจเสนอซื้อธุรกิจลิฟท์ของธิสเซ่นครุปป์ โดยหุ้นโคเน่ พุ่งขึ้น 4.98%
ส่วนหุ้นออสแรม ลิชท์ ทะยานขึ้น 5.30% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทเบนและบริษัทคาร์ไลกำลังเจรจาเพื่อเสนอซื้อหุ้นออสแรมในราคา 35 ยูโรต่อหุ้น
ข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐสั่งห้ามการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยของจีน ได้ช่วยหนุนหุ้นอิริคสันและหุ้นโนเกีย ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของหัวเว่ยด้วย
หุ้นอิริคสัน บวก 2.13% และ หุ้นโนเกีย เพิ่มขึ้น 4.13%
นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะชะลอการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากไม่ต้องการเปิดสงครามการค้ากับยุโรป ขณะที่สหรัฐยังคงมีความขัดแย้งทางการค้ากับจีน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ในวันเสาร์ตามเวลาไทย ในการประกาศขึ้นภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป หลังจากที่เขาเคยขู่เมื่อปีที่แล้วว่าจะขึ้นภาษีดังกล่าว สู่ระดับ 20% โดยอ้างว่าตัวเลขขาดดุลการค้าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ
แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ของยุโรปปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากทะยานขึ้นก่อนหน้านี้