ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด ผิดหวังผลประกอบการ"โบอิ้ง","แคทเธอร์ พิลลาร์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 24, 2019 22:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการประกาศผลประกอบการของบริษัทโบอิ้ง และแคทเธอร์ พิลลาร์

ณ เวลา 21.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,226.98 จุด ลบ 122.21 จุด หรือ 0.45%

ราคาหุ้นโบอิ้งดิ่งลงเกือบ 1% ในวันนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ในไตรมาส 2 โดยมีสาเหตุจากการที่เครื่องบิน 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน

ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน 5.82 ดอลลาร์/หุ้น สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 1.87 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์

ราคาหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทรุดตัวลง 4.5% หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ แคทเธอร์ พิลลาร์ระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.83 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.12 ดอลลาร์/หุ้น

บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 1.4432 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4435 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะนี้ บริษัทจำนวน 25% ของดัชนี S&P 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 78% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

ราคาหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงมากกว่า 1% หลังจากที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) แถลงในวันนี้ว่า บริษัทเฟซบุ๊ก อิงค์ ยินยอมจ่ายค่าปรับจำนวน 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 155,000 ล้านบาท เพื่อยุติการสอบสวนกรณีที่เฟซบุ๊กปล่อยให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานรั่วไหล

ค่าปรับดังกล่าวถือว่าสูงที่สุดเท่าที่ FTC เคยสั่งปรับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ FTC สั่งปรับบริษัทกูเกิลจำนวน 22.5 ล้านดอลลาร์ในข้อหาเดียวกันในปี 2555

ทั้งนี้ ค่าปรับ 5 พันล้านดอลลาร์เทียบเท่ากับรายได้ราว 9% ของเฟซบุ๊กในปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ก.ค. รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 30-31 ก.ค.เช่นกัน

นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ จะเดินทางไปยังจีนในวันจันทร์หน้า เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธ

"เรามีประเด็นที่ต้องหารือมากมาย ผมคาดหวังว่าหลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว เราจะมีการประชุมอีกครั้งที่วอชิงตัน ดีซี และหวังว่าเราจะยังคงมีความคืบหน้าต่อไป" นายมนูชินกล่าว

นายมนูชินยังกล่าวว่า การที่จีนเลือกสถานที่เจรจาเป็นนครเซี่ยงไฮ้ แทนที่จะเป็นกรุงปักกิ่ง ถือเป็นการสื่อความหมายที่ดี เนื่องจากนครเซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่ซึ่งสหรัฐและจีนได้ลงนามในแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ในปี 2515 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 646,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 604,000 ยูนิตในเดือนพ.ค.

ยอดขายบ้านร่วงลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเขตมิดเวสต์ แต่เพิ่มขึ้นในภาคใต้ และตะวันตก

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่จะแตะระดับ 660,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากแตะระดับ 51.5 ในเดือนมิ.ย.

การปรับตัวขึ้นของดัชนี PMI ได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ แม้การจ้างงานชะลอตัว

ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว ขณะที่การขยายตัวของภาคบริการ ช่วยชดเชยผลกระทบจากการหดตัวของภาคการผลิต

ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 50.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 118 เดือน จากระดับ 50.6 ในเดือนมิ.ย.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 52.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 51.5 ในเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ