ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 500 จุด หลุดระดับ 26,000 จุดในวันนี้ ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,982.21 จุด ลบ 502.80 จุด หรือ 1.90%
หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลง 2.4% และ 2.3% ตามลำดับ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
ราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงเกือบ 3% ในการซื้อขายวันนี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความกล่าวหาจีนว่ากำลังปั่นค่าเงิน หลังจากที่หยวนทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยค่าเงินหยวนในตลาดการเงินของจีนดิ่งลงแตะระดับ 7.04 เทียบดอลลาร์
"จีนปล่อยให้หยวนดิ่งลงใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งนี้เรียกว่า 'การปั่นค่าเงิน'" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
อย่างไรก็ดี นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้า
ทั้งนี้ เว็บไซต์ของธนาคารกลางจีนระบุว่า จีนจะไม่ลดค่าเงินหยวนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า โดยจีนจะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ และดำเนินนโยบายปริวรรตเงินตราที่มีความต่อเนื่อง
นายอี้ยังระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนหยวนในขณะนี้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งอุปสงค์และอุปทานในตลาด
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ถือเป็นมาตรการตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนเคยสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกในปี 2558 โดยการประกาศปรับลดค่าเงินหยวนในปีดังกล่าว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.
ขณะเดียวกัน สื่อรายงานว่า รัฐบาลจีนได้สั่งให้บริษัทของรัฐระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ