ดาวโจนส์พุ่งเกือบ 100 จุด ขานรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ,ตลาดจับตาเจรจาการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 27, 2019 21:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 100 จุดในวันนี้ ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งความคาดหวังที่ว่าสหรัฐและจีนจะกลับมาเจรจาการค้า

ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,997.48 จุด บวก 98.65 จุด หรือ 0.38%

หุ้นกลุ่มรถยนต์ของสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังจากที่จีนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นการซื้อรถยนต์ในวันนี้ โดยหวังเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ

ทั้งนี้ สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีจีน ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นควรผ่อนคลายข้อจำกัดในการขายรถยนต์ และสนับสนุนให้มีการซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน

คณะรัฐมนตรีจีนออกมาตรการดังกล่าว หลังจากที่ยอดขายรถยนต์ดิ่งลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 ในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีแถลงว่า รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการแปลงสภาพช็อปปิ้งมอลล์ที่มีปัญหา รวมทั้งสนามกีฬา และโรงงานเก่า ให้เป็นศูนย์การค้า ศูนย์บันเทิง และยิมเนเซียม

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารเปิดให้บริการนานขึ้น เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจช่วงยามค่ำคืน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพื่อกระตุ้นการบริโภค และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในที่ประชุม G7 ว่า เขาเชื่อว่าจีนมีความจริงใจ และมีความต้องการอย่างมากที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ

นอกจากนี้ ต่อข้อถามที่ว่า จีนได้ปฏิเสธคำกล่าวของปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างที่ว่าจีนได้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐ เพื่อขอกลับสู่โต๊ะเจรจา ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ทางการจีนไม่ได้กล่าวเช่นนั้น"

ปธน.ทรัมป์กล่าวย้ำว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ในระดับสูงสุดของจีน อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุรายละเอียดดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีนแสดงความกังขาต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวอ้างว่า จีนได้โทรศัพท์ติดต่อสหรัฐเพื่อเรียกร้องให้กลับสู่โต๊ะเจรจา

นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวยืนยันในวันนี้ว่า เขาไม่ได้รับทราบข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่จีนได้โทรศัพท์ 2 ครั้งมายังเจ้าหน้าที่สหรัฐเพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาเจรจาการค้า ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวอ้าง

นายเกิงกล่าวยืนยันไม่ทราบเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ หลังจากที่เขาได้กล่าวปฏิเสธเมื่อวานนี้

"เป็นที่น่าเสียใจที่สหรัฐยังคงเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย และไม่สร้างสรรค์" นายเกิงกล่าว

ส่วนนายหู สีจิน บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ของจีน ทวีตข้อความ ยืนยันว่า คณะเจรจาการค้าจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์แต่อย่างใด

"เท่าที่ผมทราบ เจ้าหน้าที่เจรจาการค้าจากจีนและสหรัฐไม่ได้สนทนากันทางโทรศัพท์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายติดต่อกันในระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค และไม่ได้มีความสำคัญมากอย่างที่ปธน.ทรัมป์พูดไว้ โดยจีนยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืน และไม่ได้ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากสหรัฐ" นายหูกล่าว

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว แต่ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ค.

ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนมิ.ย. ชะลอตัวจากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค.

ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองฟีนิกซ์ ลาสเวกัส และแทมปา

ทางด้านบริษัทฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ในวันนี้ ระบุว่า ทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาควบกิจการกับบริษัทอัลเทรีย

หากฟิลิป มอร์ริสประสบความสำเร็จในการควบกิจการอัลเทรีย ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ธุรกิจทั้งสองอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน หลังจากที่อัลเทรียได้ขายกิจการฟิลิป มอร์ริสออกไปในปี 2551 เพื่อเน้นการขายบุหรี่ในตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะแบรนด์"มาร์ลโบโร" ขณะที่ฟิลิป มอร์ริสเน้นการขายบุหรี่ในต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ