ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังมีข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นรายที่ 2 ในสหรัฐ
ณ เวลา 22.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,144.08 จุด ลบ 16.01 จุด หรือ 0.05%
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ยืนยันว่า มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นรายที่ 2 ในสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวเป็นหญิงจากเมืองชิคาโก ซึ่งได้เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน
นอกจากนี้ CDC ยังเปิดเผยว่า ทางศูนย์กำลังเฝ้าระวังผู้ที่มีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อีก 63 รายใน 22 มลรัฐในสหรัฐ
พญ.แนนซี เมสซอนเนียร์ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาโรคทางเดินหายใจและภูมิคุ้มกันแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า "CDC เชื่อว่า ขณะนี้ความเสี่ยงต่อชาวสหรัฐที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว"
นอกจากนี้ พญ.เมสซอนเนียร์กล่าวว่า โรคหวัดและโรคทางเดินหายใจอื่นๆกำลังสร้างความซับซ้อนต่อการวินิจฉัยโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
CDC เพิ่งออกแถลงการณ์ในวันอังคารยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรกในสหรัฐ ซึ่งเป็นชายจากรัฐวอชิงตัน ซึ่งได้เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น
ขณะนี้ ผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 26 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในจีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 900 ราย
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขานรับผลประกอบการของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และอินเทล ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในระดับโลก
ราคาหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นบริษัทบัตรเครดิตชั้นนำของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรสเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 1.1365 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1360 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทมีกำไร 2.03 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.01 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นอินเทลทะยานขึ้นกว่า 8% หลังเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ อินเทลยังคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใสในไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะนี้ บริษัทมากกว่า 16% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว ซึ่ง 70% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ในการคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้