ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 915.39 จุด เหตุนลท.วิตกผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งแซงหน้าจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 28, 2020 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มี.ค.) หลังจากพุ่งขึ้น 3 วันติดต่อกัน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้ง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าจีน ขณะที่ตลาดแทบไม่ได้แรงหนุน แม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐแล้วก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,636.78 จุด ร่วงลง 915.39 จุด หรือ -4.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,541.47 จุด ร่วงลง 88.60 จุด หรือ -3.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,502.38 จุด ร่วงลง 295.16 จุด หรือ -3.79%

อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 12.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2481, ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 10.3% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 9.10%

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกว่าสหรัฐได้แซงหน้าจีนและอิตาลีขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุดแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 100,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเกิน 1,500 ราย

นักลงทุนจำนวนมากคาดว่า ตลาดอาจร่วงลงอย่างรุนแรงอีก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จะเพิ่มมากขึ้น

หลังจากตลาดปิดทำการแล้วนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือกลุ่มสายการบินจะไม่ใช่เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า และผู้เสียภาษีจะต้องได้รับการชดเชย โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วง 6.78%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วง 10.34% และหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วง 7.62%

หุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 10.22% หลังนายมนูชินระบุว่า โบอิ้งไม่มีความประสงค์ที่จะใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสหรัฐ

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วง 4.93%, หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วง 4.71% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วง 6.90%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 9.63% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.65%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้นั้น มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 89.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 90.0 จากระดับ 101 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีความเชื่อมั่นทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนมี.ค.มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในรอบเกือบ 50 ปี ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ