ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,353.73 จุด ลบ 29.38 จุด หรือ 0.12%
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์สามารถดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 11% ในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ดาวโจนส์ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ตลาดถูกกดดันจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง เพื่อตอบโต้จีนที่ได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่สำหรับฮ่องกง
อย่างไรก็ดี นักลงทุนคลายวิตก หลังปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวว่า เขาจะนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำไว้กับจีนในต้นปีนี้
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น โรงแรม สายการบิน และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดในวันนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากที่ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการยังคงมีการขยายตัวในเดือนพ.ค.
นักลงทุนจับตาความวุ่นวายในสหรัฐ หลังประชาชนต่างลุกฮือประท้วงการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อชายผิวสีคนหนึ่งจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ 40 เมืองทั่วสหรัฐได้ประกาศเคอร์ฟิว หลังเกิดเหตุจลาจล ทั้งการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ การเผารถยนต์ และการทุบกระจกร้านค้า ท่ามกลางความไม่พอใจต่อการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อนายจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นชายผิวสี จนเสียชีวิต
การเสียชีวิตของนายฟลอยด์ได้กลายเป็นข่าวโด่งดังในโลกโซเชียล โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในรัฐมินนิโซตาได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังสงสัยว่านายฟลอยด์พยายามจะซื้อของในร้านด้วยธนบัตรปลอม และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้จับนายฟลอยด์ใส่กุญแจมือ และผลักเขาให้นอนคว่ำลงกับพื้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งใช้เข่ากดลงบนคอของนายฟลอยด์และทิ้งน้ำหนักตัวลงไป ซึ่งขณะนั้นนายฟลอยด์พยายามร้องบอกตำรวจว่า "ผมหายใจไม่ออก ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก" ก่อนที่เขาจะหมดสติไป และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยรายงานระบุว่า นายฟลอยด์ได้เสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล