ไวรัสอังกฤษทุบดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด หลุดแนว 30,000 ดับกระแส "ซานต้า แรลลี่"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 21, 2020 22:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุด หลุดระดับ 30,000 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งได้บดบังข่าวดีเกี่ยวกับการที่แกนนำในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่มักเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี หรือที่มักเรียกว่า "ซานต้า แรลลี่" อาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้หลายประเทศต้องกลับมาทำการล็อกดาวน์รอบใหม่

ณ เวลา 22.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,824.75 จุด ลบ 354.30 จุด หรือ 1.17%

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ จากการที่หลายประเทศทั่วโลกพากันระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ หลังพบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%

ทั้งนี้ อินเดีย อิหร่าน ฮ่องกง แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย และโปแลนด์ต่างประกาศระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ หลังจากที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน หลายประเทศได้ประกาศระงับเที่ยวบินจากอังกฤษก่อนหน้านี้ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ไอร์แลนด์ เบลเยียม อิสราเอล และแคนาดา

ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลกำลังจับตาสถานการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะทำการตัดสินใจ

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลียแถลงในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่ระบาดในอังกฤษจากนักท่องเที่ยว 2 รายที่เดินทางมาจากสหราชอาณาจักรในวันนี้

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ เพื่อรับมือวิกฤตการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้หลายประเทศทั่วโลกพากันประกาศระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ

ทางด้านสื่อหลายฉบับได้ตีข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ โดยเดลี่ มิร์เรอร์พาดหัวข่าวว่า "Sick Man of Europe" หรือ "คนป่วยของยุโรป"

ขณะนี้ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 2 ล้านราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ขณะที่เสียชีวิตมากกว่า 67,000 ราย

นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญต่อข่าวที่ว่าแกนนำในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ แกนนำในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ในเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว โดยนายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า "หลังจากการเจรจากันเป็นเวลานาน แกนนำในสภาคองเกรสจากทั้งสองพรรคก็สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในที่สุด"

สภาคองเกรสจะลงมติต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวในวันนี้ รวมทั้งร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 21 ธ.ค.

นักวิเคราะห์ระบุว่า การดีดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่มักเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี หรือที่มักเรียกว่า "ซานต้า แรลลี่" อาจจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้หลายประเทศต้องกลับมาทำการล็อกดาวน์รอบใหม่

ทั้งนี้ ซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471 หรือในช่วงเวลากว่า 90 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังระบุว่า การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนพ.ย.และต้นเดือนธ.ค. ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ "ซานต้า แรลลี่" อาจไม่เกิดขึ้นในปีนี้ เนื่องจากตลาดได้เข้าสู่ภาวะที่มีแรงซื้อมากเกินไปแล้ว

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 10.9% ในเดือนพ.ย. ทำสถิติเป็นเดือนพ.ย.ที่ดัชนีพุ่งขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของวอลล์สตรีท

ส่วนในเดือนธ.ค.นี้ ราคาหุ้นราว 76% ในดัชนี S&P 500 ได้ดีดตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 50 วัน ซึ่งบ่งชี้ว่าดัชนีอยู่ในภาวะ overbought เป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเกิดการพักฐานในช่วงท้ายปี

ขณะเดียวกัน ผลการสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา ยังพบว่า ผู้จัดการกองทุนได้ทำการลงทุนใกล้เต็มพอร์ทแล้ว และนักลงทุนสถาบันได้ลดการถือเงินสดในพอร์ทเหลือเพียง 4% จาก 6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการส่งสัญญา "ขาย" และบ่งชี้ว่า ดัชนี S&P 500 จะร่วงลง 3.2% ในเดือนม.ค.2564


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ