มาร์เก็ตแคปกลุ่ม Magnificent Seven พุ่งกว่า 8 แสนล้านดอลล์ หลังจีน-สหรัฐฯ บรรลุดีลการค้า

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 13, 2025 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของ 7 บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ หรือ Magnificent Seven เพิ่มขึ้นรวมกัน 8.375 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในวันจันทร์ (12 พ.ค.) หลังจากสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้พบปะเจรจาการค้ากับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% และอัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125%

ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการที่นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของสหรัฐฯ

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม Magnificent Sevens ประกอบด้วยบริษัทเทสลา (Tesla) ซึ่งพุ่งขึ้น 6.7%, หุ้นอะเมซอน (Amazon) ทะยานขึ้น 8.07%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม (Meta Platforms) พุ่งขึ้น 7.9%, หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) พุ่งขึ้น 3.6%, หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 5.4%, หุ้นอัลฟาเบท (Alphabet) พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ดีดตัวขึ้น 2.4%

ทั้งนี้ แอปเปิ้ลซึ่งยังคงผลิต iPhone ในจีนเป็นสัดส่วนมากถึง 90% เปิดเผยในระหว่างการประกาศผลประกอบการในเดือนนี้ว่า บริษัทคาดการณ์ว่ามาตรการภาษีศุลกากรจะส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสปัจจุบัน ขณะที่บริษัทอินวิเดียเผชิญแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ