บีพี (BP) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานหลักของบริษัทในไตรมาส 3/2568 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากส่วนต่างกำไรของธุรกิจการกลั่นที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยชดเชยผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง
บีพีระบุว่า กำไรต้นทุนทดแทนพื้นฐาน (Underlying Replacement Cost Profit) ซึ่งเป็นมาตรวัดกำไรสุทธิของบริษัท อยู่ที่ 2.21 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 2.02 พันล้านดอลลาร์ แต่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ 2.27 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการซื้อหุ้นคืนในไตรมาสที่ 3 ตามแผน ด้วยวงเงิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผลประกอบการของบีพีสอดคล้องกับบริษัทคู่แข่งในยุโรปอย่างเชลล์ (Shell) และโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ (TotalEnergies) ซึ่งต่างรายงานผลกำไรไตรมาส 3 ที่ลดลงเมื่อเดือนที่แล้ว อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง โดยราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาสดังกล่าว ปรับตัวลดลง 13% เมื่อเทียบเป็นรายปี
อย่างไรก็ดี ผลกำไรของบีพีที่แข็งแกร่งกว่าคาด มาจากธุรกิจลูกค้าและผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้รับอานิสงส์โดยตรงจากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น โดยสามารถทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีได้ 1.61 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากระดับ 381 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 1.59 พันล้านดอลลาร์
เมอร์เรย์ ออชินคลอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คาดว่า มูลค่ารวมของข้อตกลงขายสินทรัพย์ที่เสร็จสิ้นหรือประกาศไปแล้วในปีนี้ จะแตะระดับประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีการเปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับกระบวนการขายธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นคาสตรอล (Castrol) ซึ่งเป็นที่จับตาของนักลงทุน
สำหรับสถานะทางการเงิน กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 6.8 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน ขณะที่หนี้สินสุทธิยังคงมีเสถียรภาพที่ระดับประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ตามคาดการณ์